เมื่อวันที่ 25 ม.ค. ที่สำนักสิ่งแวดล้อม อาคารสำนักการโยธา ศาลาว่าการ กทม. 2 ดินแดง นายพรพรหม ​วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม.​ พร้อมด้วย​ นายเอกชัย เพียรศรีวัชรา​ รองอธิบดีกรมอนามัย​ นายพันศักดิ์ ถิรมงคล ผู้อำนวยการกองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษ​ นายศักดา ตรีเดช ผู้อำนวยการส่วนนวัตกรรมคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษ และ นางสาววรนุช สวยค้าข้าว​ รองผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร​​ ร่วมแถลงมาตรการรับมือฝุ่น PM 2.5 สูงในกรุงเทพฯ ช่วงวันที่ 26-27 ม.ค.66​

นายพรพรหม​ กล่าวว่า​ กทม. ร่วมกับกรมอนามัย และกรมควบคุมมลพิษ​ เพื่อแก้ไขสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ​ โดย กทม.แบ่งแผนออกเป็น 3 ส่วนคือ การติดตามและแจ้งเตือนโดยการตั้ง​ War Room แก้ปัญหา PM 2.5 การเปิดทราฟฟี่ฟองดูว์ เพื่อรับแจ้งปัญหาจากประชาชน​ และการพยากรณ์สถานการณ์ฝุ่นล่วงหน้าเพื่อแจ้งเตือนประชาชนโดยร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง​ การแนะนำการป้องกันสุขภาพให้ประชาชน รวมถึงการแก้ปัญหาจากต้นตอของฝุ่นละออง PM2.5 เช่น ควันดำจากรถยนต์ การเผาชีวมวลจากการเกษตร และโรงงานอุตสาหกรรมอีกด้วย​ ซึ่งหน่วยงานภาครัฐได้ร่วมมือกันอย่างเข้มข้นเพื่อแก้ปัญหาฝุ่นลองเทียม 2.5 ในกรุงเทพฯ ร่วมกัน​ 

นายพันศักดิ์ กล่าวว่า การเกิดฝุ่น PM 2.5 เป็นวัฏจักรที่มักเกิดขึ้นในฤดูหนาว สำหรับในปีนี้กรมควบคุมมลพิษได้ติดตามแต่คาดการณ์ล่วงหน้า 7 วัน พบว่า ช่วงที่มีปัญหาเริ่มตั้งแต่วันที่ 22 ม.ค. 66 โดยปัญหาที่พบว่าในวันที่ 24 ม.ค. 66 เกิดพื้นที่สีส้มทั่วกรุงเทพฯ ในวันนี้ 25 ม.ค. 66 คุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์ดีมาก เป็นพื้นที่สีฟ้า แต่ค่า PM 2.5 จะเกินมาตรฐานอีกครั้งในวันที่ 27 ม.ค. 66 และจะเกิดพื้นที่สีส้มทั่วกรุงเทพฯ อีกครั้งในวันที่ 1 ก.พ. 66 ซึ่งปัญหานี้จะอยู่กับเราไปจนถึงเดือน เม.ย. โดยกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าปีนี้มีความแห้งแล้งมากกว่าปีที่ผ่านมา จึงเป็นปัจจัยส่งเสริมทำให้ PM 2.5 อาจจะรุนแรงขึ้น ซึ่งจากสถิติที่ผ่านพบว่าเดือนที่มักจะมีความรุนแรงของ PM 2.5 มากที่สุดคือเดือน ก.พ. 

สำหรับปัจจัยที่จะทำให้เกิดฝุ่นนั้น ดร.ศักดา กล่าวว่า มี 2 ปัจจัยด้วยกันโดยปัจจัยแรกซึ่งเป็นปัจจัยทางด้านอุตุนิยมวิทยา คือ Planetary Boundary Layer (PBL) หรือเรียกว่า เพดานการลอยตัวอากาศ และ ความเร็วลม โดยปกติในช่วงฤดูร้อนเพดานจะสูงเกิน1,500 เมตร ทำให้ลมพัดได้ดีขึ้น แค่ในช่วงนี้ซึ่งมีฝุ่นเพดานมีความสูงเพียง 500 เมตร จึงทำให้ ฝลมไม่พัด และสิ่งที่น่าเป็นห่วงคือในช่วงวันที่ 31 ม.ค. 66 ถึง 1 ก.พ.66 สถานการณ์มีโอกาสรุนแรงเหมือนวันที่ 24 ม.ค.66 ทั้งนี้ เราไม่สามารถควบคุมปัจจัยทางอุตุนิยมวิทยาได้ แต่เราสามารถควบคุมแหล่งกำเนิดฝุ่นได้ซึ่งก็คือปัจจัยที่ 2 เช่น การจราจร โรงงานอุตสาหกรรมโดยเฉพาะโรงงานที่มี boiler จากภาคครัวเรือน รวมทั้งการเผาในที่โล่งเราสามารถร่วมด้วยช่วยกันควบคุมได้

น.ส.วรนุช กล่าวว่า หากค่าฝุ่นเพิ่มสูงขึ้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฯ 3 ส่วน ได้แก่ เฝ้าระวังและแจ้งเตือน กำจัดต้นตอ ป้องกันและดูแลสุขภาพ ซึ่งเรานำข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษและกรมอุตุนิยมวิทยา โดยนำค่าระดับฝุ่นประกอบกับค่าการพยากรณ์ของกรมควบคุม จะได้ข้อมูลสถานการณ์และนำมาใช้ในการวางแผนการทำงานต่อไป จะไปเป็นแผนการ 4 ระดับ ระดับที่ 1 ไม่เกิน 37.5 มคก./ลบ.ม. จะใช้ 15 มาตรการ เช่น ตรวจไซด์ก่อสร้าง ตรวจโรงงาน ให้มีการฉีดพ่นน้ำเพื่อไม่ให้มีการฟุ้งกระจายของฝุ่น ระดับที่ 2 37.6-50 มคก./ลบ.ม. จะมีการเพิ่มความเข้นข้นในการตรวจมากยิ่งขึ้น ระดับที่ 3 51-75 มคก./ลบ.ม. จะมีการแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประสานงานขอความร่วมมือทำงานแบบ work from home รวมถึงลดงานที่เกิดฝุ่นละออง ระดับที่ 4 มากกว่า 75 มคก./ลบ.ม. จะขอความร่วมทำงานแบบ work from home เพราะเป็นการช่วยลดมลพิษได้เป็นอย่างมาก

น.ส.วรนุช กล่าวต่อว่า หลังจากที่ กทม. ได้ตั้งวอรูมฝุ่น PM 2.5 เพื่อแจ้งเตือนประชาชนในกรุงเทพฯ ให้รับมือกับสภาพอากาศที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ ตามที่ กทม. ได้แจ้งประชาชนไปว่า วันที่ 27 ม.ค.นี้ จะมีค่าฝุ่น เกินค่ามาตรฐานเป็นสีส้ม และวันที่ 1 ก.พ. ยอมรับว่า ปีนี้สภาพฝุ่น PM 2.5 หนักและรุนแรงกว่าปีที่ผ่านมา เป็นเพราะเพดานการลอยตัวของอากาศ ใน กทม. ต่ำลง จากอุณหภูมิที่ยังต่ำอยู่อาจส่งผลต่อเนื่องตั้งแต่เดือนก.พ. ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯและรอบนอกจะต้องเจอสภาพอากาศในลักษณะนี้อีก 
แต่ค่าฝุ่นปีนี้จะหนักเป็นช่วงระยะไม่ได้ติดต่อกันหลายวันเหมือนปีที่ผ่านมา ขณะที่ ปัจจัยหลักของฝุ่นก็ยังมาจาก ควันดำของรถยนต์ การปล่อยควันเสีย จากโรงงานอุตสาหกรรม การก่อสร้างต่างๆ และร้านอาหารปิ้งย่าง ซึ่งตอนนี้กรุงเทพฯได้เฝ้าระวังและประมวลค่าฝุ่นเป็นรอบ24 ชม. ส่วนแนวทางการเฝ้าระวังนั้น​ กทม.ได้วางแผนไว้ 3 แนวทางคือ เฝ้าระวังแจ้งเตือน กำจัดต้นตอและการป้องกัน รวมไปถึงดูแลสุขภาพ 

ขณะเดียวกันปีนี้ กทม.ทำงานเชิงรุกมากขึ้น มีการตรวจควันดำจากรถบรรทุกในพื้นที่ไซต์งานก่อสร้าง รวมถึง จะขอความร่วมมือประชาชนใช้บริการรถสาธารณะให้มากขึ้นโดยเฉพาะในวันที่ 27 ม.ค.และวันที่ 1 ก.พ.นี้ ที่ค่าฝุ่นในกรุงเทพจะเป็นสีแดง

ส่วนมาตรการที่จะให้ประชาชน WFH ในวันที่ค่าฝุ่นสูงนั้น กรุงเทพฯ ได้ทำหนังสือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมถึงขอความสมัครใจจากภาคเอกชน ซึ่งขณะนี้ มี 11 บริษัทเอกที่สนใจและจะเข้าร่วม WFH กับ กทม. รวมถึงจะแจ้งเตือนขอให้ประชาชนงดออกกำลังกายกลางแจ้ง ส่วนโรงเรียนขอให้ปิดหน้าต่างและให้โรงเรียนงดทำกิจกรรมนักเรียนนอกอาคาร ขณะที่การสวมใส่หน้ากากอนามัยหากเป็นหน้ากากอนามัยปกติจากป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้น้อยแต่หากเป็นหน้ากาก N95 กรองและป้องกันฝุ่นได้มาก

นอกจากนี้ กทม.ยังได้ขยายคลินิกอนามัย เพื่อรองรับผู้ป่วยมีอาการป่วยด้วยระบบทางเดินหายใจ จากเดิม 3 แห่งเป็น 5 แห่ง คือ​ คลินิกมลพิษทางอากาศโรงพยาบาลกลาคลินิกมลพิษทางอากาศโรงพยาบาลตากสิน คลินิกมลพิษทางอากาศโรงพยาบาล เจริญกรุงประชารักษ์คลินิกมลพิษทางอากาศโรงพยาบาลราชพิพัฒน์และคลินิกมลพิษทางอากาศโรงพยาบาลสิรินธร ทั้งนี้ ประชาชนสามารถ เข้าใช้บริการได้ทันที พร้อมย้ำว่า ปัญหาฝุ่นพีเอ็ม 2.5 กทม.และกรมอนามัยให้ความสำคัญ และปีนี้เป็นความร่วมมือที่จะประสานงานส่งต่อข้อมูล เพื่อการแก้ปัญหาที่รวดเร็วขึ้น.