กรณีกลุ่มดาราสาวสาวไต้หวันถูกรีดเงิน 27,000 บาท ขณะถูกเรียกตรวจที่จุดสกัดบริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูตจีนพื้นที่ สน.ห้วยขวาง โดยทางตำรวจที่ตั้งด่านสกัดในวันนั้นมีการเรียกรับผลประโยชน์เป็นเงินสดจำนวน 27,000 บาท เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดีกรณีครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า ตามที่มีการรายงานข่าวมาอย่างต่อเนื่องนั้น

รู้สึกละอาย! ‘ชูวิทย์’ ยกมือไหว้ขอโทษ ‘อันยู๋ชิง’ ถามซ้ำ ‘ผบช.น.’ ปกป้องแค่ตัวเองเท่านั้น?

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 30 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บัญชีเฟซบุ๊ก ชื่อ “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” หรือ นายชูวิทย์ อดีตนักการเมือง ได้มีการเผยแพร่วิดีโอ ความยาวกว่า 11.33 นาที พร้อมใส่คำบรรยายวิดีโอว่า “คุยกับพยานคนสิงคโปร์ เพื่อนดาราสาวไต้หวัน ไม่คิดว่าจะเจอด่านตำรวจรีดไถแบบนี้ ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ”

โดยภายในวิดีโอปรากฏภาพนายชูวิทย์ได้โทรศัพท์พูดคุยกับบุคคลเพศชาย ซึ่งนายชูวิทย์ อ้างว่า เป็นพยานบุคคล และอ้างชื่อว่า Mr.Sky (หรือ นายสกาย) ระบุว่า ที่ด่านตรวจคืนเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่ทั้งหมด 4 นาย โดยมี 1 นาย ขู่พยานตลอด และยืนยันว่ามีการจ่ายเงินให้เจ้าหน้าที่ทั้งหมด 27,000 บาท ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบถามพยานว่า ทำไมไม่เอาพาสปอร์ตออกมา และทำไมไม่มีวีซ่า ซึ่งพยานรายนี้ระบุว่า ที่ประเทศสิงคโปร์ ไม่ต้องใช้วีซ่า และอยู่ไม่ถึง 30 วันไม่ต้องใช้วีซ่า และตนนั้นมาอยู่แค่ 2 อาทิตย์ จากนั้นพยานระบุอีกว่า ตนได้บอกเพื่อนให้ไปโรงแรมเพื่อไปเอาพาสปอร์ต แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าไปไม่ได้ พยานจึงถามว่าตนไม่ได้ทำผิดกฎหมายอะไร แต่เจ้าหน้าที่ก็ระบุว่า พยานมีบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งพยานก็ยอมรับ ด้านพยานก็ตั้งคำถามกลับว่า ที่ตลาดก็มีขาย แบบนี้จะผิดกว่าหรือไม่

นอกจากนี้พยาน ยังกล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมีอาการโมโหซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่โมโหเรื่องอะไร นอกจากนี้ ยังมีเพื่อนพยาน 1 ใน 4 คน ทำการโทรศัพท์หาเพื่อน (ในคลิปวิดีโอใช้คำว่า เมีย) ด้านเจ้าหน้าที่ได้ระบุว่า ห้ามคุยโทรศัพท์และไม่ให้บันทึกภาพใดๆ ซึ่งใช้เวลาอยู่ในด่านกว่า 1-2 ชม. โดยมีตำรวจ 1 นาย ที่ขู่มากแล้วก็คุยกันตลอด ส่วนอีก 2 คน ก็มาช่วยคุยด้วย

ทั้งนี้ นายชูวิทย์ ยังได้กล่าวขอโทษพยาน พร้อมกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำให้ภาพลักษณ์ของเมืองไทยเสียหาย ตนขอความกรุณาให้พยานให้เดินทางมาพบที่ประเทศไทยได้หรือไม่ โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมดตนยินดีออกให้ เพื่อให้มาพูดข้อเท็จจริงให้สังคมไทยได้รับรู้ เพราะตำรวจไทยปฏิเสธและพยายามที่จะแต่งเรื่องโกหกโทษสาวไต้หวัน ด้านพยาน ระบุว่า คิดอยู่ เพราะกลัวอันตราย ทั้งนี้ นายชูวิทย์ ก็ได้ยืนยันว่าไม่ต้องหวั่นเกรงเรื่องอันตรายใดๆ ทั้งสิ้น

“ผมคิดว่าคุณสกาย เป็นคนสิงคโปร์ ผมอยากทำให้ประเทศไทยเป็นเหมือนสิงคโปร์ ดังนั้น ในฐานะเป็นคนไทยก็พยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะให้เรื่องนี้เป็นความจริงที่ปรากฏให้กับคนไทยทุกคนได้ทราบ คุณสกายจะมีส่วนช่วยเหลือในสังคมไทยเป็นอย่างมาก หากคุณสกายมาให้ความจริง ขอให้คุณสกายพิจารณาดูหากสะดวกพรุ่งนี้ ให้คุณสกายเดินทางมา ส่วนค่าใช้จ่ายต่างๆ ตนยินดีรับผิดชอบให้หมด รวมทั้งจะคืนเงิน 27,000 ให้กับคุณสกายด้วย” นายชูวิทย์ กล่าว

นายชูวิทย์ ยังกล่าวด้วยว่า เรื่องนี้สังคมไทยควรจะได้รับบทเรียน การที่ตำรวจไทยกระทำเช่นนี้ย่อมทำให้ เกิดความเสียหายทางภาพลักษณ์และการท่องเที่ยว ในสายตาคนต่างชาติ การที่ไปขู่พยานเกี่ยวกับวีซ่า ซึ่งทางพยานเองก็ยืนยันว่าเป็นคนสิงคโปร์ไม่จำเป็นต้องใช้วีซ่า นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังไปโทษสาวไต้หวันว่าเมาและไม่พูดความจริงอีกด้วย

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ภายหลังก่อนที่จะจบการสนทนาระหว่างนายชูวิทย์และพยานนั้น ทางพยานและเพื่อนจะขอติดต่อกลับมาอีกครั้ง เพื่อคอนเฟิร์มข้อตกลงว่าพยาน หรือ นายสกาย (เจ้าของเงิน 27,000 บาท) จะเดินทางมาที่ประเทศไทยเพื่อมาพบนายชูวิทย์ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ ให้สิ้นกระแสความ อย่างไรก็ตาม นายชูวิทย์ระบุทิ้งท้ายว่า ผบช.น ผบ.ตร. และนายกรัฐมนตรีควรมากล่าวคำขอโทษและคืนเงิน 27,000 บาทให้กับเขาไป จากนั้นนายชูวิทย์ กล่าวย้ำอีกว่าส่วนค่าใช่จ่ายยินดีออกให้ เพราะถือว่าเรื่องนี้เป็นความเสียหายของภาพลักษณ์ประชาชนคนไทยอย่างร้ายแรง