นายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ที่ปรึกษาและนายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย (สมาคมอีคอมเมิร์ซไทย) และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ตลาด ดอท คอม กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยถึงกรณี เจดี เซ็นทรัล (JD CENTRAL) แพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ ได้ประกาศยุติการให้บริการในไทยว่า การถอนตัวของ เจดี ซ็นทรัล ออกจากประเทศไทย มองว่าเพราะไม่สามารถแข่งขันกับรายใหญ่อีก 2  ราย คือ ช้อปปี้ และลาซาด้า ได้ หลังจากในปีที่แล้ว ทางเซ็นทรัลได้ประกาศยุติการเป็นพันธมิตรกับ เจดี ดอทคอม ซึ่งรูปแบบธุรกิจที่เป็นพาร์ทเนอร์อาจไม่ตอบโจทย์ธุรกิจ จึงถอนตัว และปัจจุบันทั้ง ช้อปปี้ และลาซาด้า เริ่มจะทำกำไรได้แล้ว แต่ขณะที่ เจดี เซ็นทรัล ยังขาดทุนอยู่จำนวนมาก แข่งขันได้ยาก จึงออกจากตลาดไทยไปโฟกัสที่ตลาดต่างประเทศที่ตนเองเชี่ยวชาญเรื่องการกระจายสินค้าและการขนส่ง ซึ่งน่าจะทำธุรกิจได้ดีกว่า

ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ

“สิ่งที่น่าเป็นห่วงของตลาดอีกคอมเมิร์ซไทยต่อจากนี้ คือ ตลาดอีคอมเมิร์ซจะมีการผูกขาดการค้าออนไลน์เพียงสองเจ้าใหญ่ ที่มีข้อมูลคนทั้งประเทศที่ใช้บริการอยู่ และจะเห็นได้ว่า เมื่อช่วง 11.11 ทั้งสองบริษัทได้ใช้เงินทำโปรโมชั่นน้อยลงมาก เพราะมุ่งสู่เรื่องกำไร และได้เริ่มขึ้นค่าคอมมิชั่นที่เรียกเก็บจากร้านค้า ซึ่งร้านค้าต่างๆ ต้องจำยอม เพราะคนไทยนิยมซื้อสินค้าจากแพลตฟอร์มสองรายนี้ จึงเป็นเรื่องที่ภาครัฐ และคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ควรจะเข้าไปดูเรื่องโครงสร้างราคาเพื่อไม่ให้เกิดการผูกขาด หรือนึกอยากจะขึ้นค่าคอมมิชชั่น หรือค่าธรรมเนียมก็ขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้ใช้บริการ และร้านค้าต่างๆ ที่ขายสินค้าบนสองแพลตฟอร์มนี้” นายภาวุธ กล่าว

ทั้งนี้ เจดี เซ็นทรัล (JD CENTRAL) แพลตฟอร์มชอปปิงออนไลน์ ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่าง กลุ่มเซ็นทรัล กับ เจดีดอทคอม (JD.com) จากจีน ได้เริ่มเข้ามาทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซในปี 60 แต่ด้วยการแข่งขันในตลาดที่รุนแรง ทำให้ผลประกอบการขาดทุนมาตลอด จนไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อได้ และได้ประกาศยุติการให้บริการในไทย มีผลตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป.