สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 1 ก.พ. ว่า คำแนะนำดังกล่าวส่งผลต่อแนวโน้มอุตสาหกรรมในวงกว้างให้ลดการใช้จ่ายและผลผลิต ซึ่งสร้างความกังวลว่า ผู้ผลิตชิพหน่วยความจำรายใหญ่ที่สุดของโลก ตั้งใจที่จะดึงเงินสะสมและส่วนต่างกำไรที่เหนือกว่า เพื่อรับส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่งรายเล็ก
“ซัมซุงอาจเห็นว่า ช่วงเวลานี้เป็นโอกาสดีในการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด ซึ่งน่าจะช่วยเหลือบริษัทในระยะยาวได้” นายชเว ยู-จูน นักวิเคราะห์จากบริษัท ชินฮัน ซิเคียวรีตีส์ กล่าว
Samsung Electronics posts earnings shock in Q4 2022 due to sluggish performance in semiconductor sector#Samsung #Galaxy #Arirang_News pic.twitter.com/nvXy9KJSoY
— Arirang News (@arirangtvnews) January 31, 2023
แทนที่จะเป็นการลดการลงทุน เพื่อตอบสนองต่ออุปสงค์ที่ชะลอตัวและราคาที่ร่วงลง ซัมซุงกลับส่งสัญญาณว่าจะระงับการผลิตระยะสั้นอย่างเป็นธรรมชาติ ผ่านการบำรุงรักษาสายการผลิต, การปรับอุปกรณ์ และการย้ายไปสู่กระบวนการผลิตชิปขั้นสูง ยิ่งไปกว่านั้น ซัมซุงยังระบุว่า จะเพิ่มการลงทุนด้านการวิจัยและการพัฒนาอีกด้วย
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมเทคโนโลยีทั่วโลกกำลังต่อสู้กับอุปสงค์ที่ลดลงอย่างรวดเร็วและฉับพลัน นับตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว เมื่อบริษัทหลายแห่งลดการใช้จ่ายสำหรับผลิตภัณฑ์และบริการด้านเทคโนโลยี ในขณะที่บรรดาผู้บริโภคต่างใช้จ่ายไปกับสินค้าฟุ่มเฟือยน้อยลง เนื่องจากเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งสูง
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซัมซุงรายงานผลกำไรประจำไตรมาสต่ำที่สุด นับตั้งแต่ปี 2557 พร้อมกับกล่าวว่า ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจมหภาคที่คงอยู่ จะทำให้ช่วงครึ่งแรกของปีนี้เกิดความยากลำบาก แม้บริษัทจะคาดว่า อุปสงค์จะเริ่มฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปีก็ตาม
นอกจากนี้ ซัมซุงระบุเพิ่มเติมว่า ความต้องการที่ซบเซา และการปรับสินค้าคงคลัง จะยังส่งผลกระทบต่อธุรกิจชิพในไตรมาสแรกอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อุปสงค์สมาร์ทโฟนมีแนวโน้มที่จะลดลงทุกปี เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคสำคัญต่าง ๆ.
เครดิตภาพ : REUTERS