เมื่อวันที่ 1 ก.พ. ผู้สื่อข่าวได้เปิดเผยเรื่องราวชีวิต น.ส.รัชนก หาญปราบ อายุ 35 ปี สาววัยเบญจเพส ทำอาชีพพนักงานส่งพัสดุ อาศัยอยู่พื้นที่ หมู่ 3 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ชีวิตพลิกผันทันตา จากฟ้าสู่เหว หลังรับขันธ์ครูจากร่างทรงปู่ฤาษี ได้กระทำการลบหลู่ จนชีวิตครอบครัว ต้องผจญกับทุกข์ทรมาน

น.ส.รัชนก เปิดเผยว่า ในตอนนี้ชีวิตต้องอยู่อย่างทุกข์ทรมาน ในสภาพเดินแทบไม่ได้ ต้องใช้ไม้เท้าค้ำยันช่วยพยุงร่างกาย ชีวิตตกงาน เวียนเข้าออกรักษาในโรงพยาบาล ลูกสาวก็มามีอาการคล้ายถูกผีเข้า ไม่ทานอาหาร ไม่หลับไม่นอน จนสุดท้ายต้องออกจากโรงเรียน เชื่อเป็นผลมาจากสิ่งลี้ลับ สืบเนื่องในช่วงปี 2562 ได้ไปรับขันธ์ครูจากตำหนักฤาษีแห่งหนึ่ง ในอำเภอสัตหีบ โดยเสียค่าพานปู 1,999 บาท แต่จ่ายไปเพียง 1,000 บาท หลังรับมาได้ตั้งไว้บนตู้เสื้อผ้า วางปล่อยให้ฝุ่นจับ ไม่เคยได้สักการบูชา ตลอดระยะเวลาที่รับมา ชีวิตก็ไม่มีอะไรดีขึ้น เพราะไม่เชื่อเรื่องเหล่านี้ แต่ก็ไม่รู้อะไรดลจิตให้รับมา กระทั่งช่วงต้นเดือน พ.ย. 65 ปลวกได้กินตู้ จึงได้เก็บขันธ์ครูใส่ถุงพลาสติก นำไปวางทิ้งไว้หน้าบ้าน จากนั้นผ่านไปเพียงไม่กี่วัน 6 พ.ย. ร่างกายก็ผิดปกติ แขนขาไม่มีเรี่ยวแรง ต้องใช้ไม้เท้าค้ำยันช่วย จนมาตรวจพบว่า เป็นโรคกล้ามเนื้อเสียหายเฉียบพลัน ต้องใช้ชีวิตอย่างเจ็บปวด และทุกข์ทรมานมาก

นอกจากนี้ ถัดไปไม่กี่วัน 9 พ.ย. ตัวลูกสาวซึ่งมีอายุ 16 ปี อยู่ในวัยเรียนชั้นมัธยม โรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอสัตหีบ หาอาชีพเสริมด้วยการเป็นเด็กเสิร์ฟร้านหมูกระทะ เป็นคนสนุกสนานร่าเริงแจ่มใส ก็มามีอาการผิดปกติ หลุกหลิก ตาเหลือก ตาขวาง คล้ายคนถูกผีเข้า ไม่ยอมทานอาหาร และไม่เข้าส้วม บางครั้งทำร้ายตัวเองมาเป็นอาทิตย์ พยายามให้สวดมนต์ แต่ก็ไม่ยอมท่องสวดแม้แต่คำเดียว พาไปพบแพทย์บอกว่าไม่ได้เป็นอะไร แนะนำให้ไปพบจิตเวช ให้ยามากินแต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น โดยเฉพาะวันโกน หรือวันพระ จะมีอาการเป็นหนัก

“มาบัดนี้ เริ่มเชื่อว่า สิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นกับครอบครัว น่าจะมาจากสิ่งลี้ลับ ที่ตนเองได้กระทำการลบหลู่ ด้วยคำพูด รวมถึงการกระทำ ที่นำขันธ์ครูไปทิ้ง โดยไม่ขอขมาบอกกล่าวต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จึงขอให้ผู้รู้ช่วยเปิดทางหาวิธีแก้ไข หรือมาช่วยเหลือ ให้ครอบครัวพ้นจากบ่วงกรรมในครั้งนี้” น.ส.รัชนก กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากข้อมูลในเรื่องการรับขันธ์ เชื่อกันว่า การทำพิธีรับขันธ์ เสมือนเป็นการเปิดประตูให้เทพองค์ที่เคารพนับถือ เข้ามาสู่ตัวเรา เพื่อใช้กายของเราปฏิบัติภารกิจ หรือเป็นการรับครูบาอาจารย์มาบูชา ด้วยการที่ไม่เชื่อในเรื่องเหล่านี้ จึงมีคำพูดและการกระทำที่เป็นการลบหลู่ จนนำไปสู่การถูกลงโทษ หรือเรื่องดังกล่าวนี้ อาจเป็นวัฏจักร เกิด แก่ เจ็บ ตาย ของมนุษย์ ซึ่งบังเอิญเกิดในช่วงเวลาที่ตรงกัน ถึงอย่างไร โบราณกล่าวไว้ว่า “ไม่เชื่ออย่าลบหลู่” คงเป็นสิ่งดีที่สุด ขอทุกท่านโปรดใช้วิจารณญาณ เรื่องนี้อาจเป็นสิ่งเตือนใจให้ใครหลายคน ไม่กระทำการลบหลู่ต่อสิ่งที่มองไม่เห็น ก็เป็นได้