เรียกได้ว่าจบลงไปอย่างสวยงาม สำหรับปมดราม่าแสนเดือดที่เรียกได้ว่ามหากาพย์กันเลยทีเดียว หลังจากดาราสาวชื่อดัง “ดิว-อริสรา ทองบริสุทธิ์” ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว แจ้งเบาะแสเกี่ยวกับครอบครัวเจ้าของเว็บพนันรายใหญ่ ที่กำลังจะจัดงานแต่งงานใหญ่โต คาดว่าจะมีคนในวงการเว็บพนันมาร่วมงานกันมากมาย พร้อมแนะนำให้เจ้าหน้าที่ช่วยตรวจสอบ ซึ่งหลังจากโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ก็ได้กลายเป็นเรื่องวิพากษ์วิจารณ์กันล้นหลาม วันนี้ เดลินิวส์ออนไลน์ จะพาทุกคนย้อนไปเกาะติดประเด็นร้อนและความคืบหน้าล่าสุดจะเป็นอย่างไรมาเริ่มกันเลย

– เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2566
เฟซบุ๊ก “Due Arisara” ก็ได้ออกมาโพสต์ชี้เป้าว่า “อะ บ้านทำเว็บพนันใหญ่ชื่อ มาเก๊า888 มีพี่น้อง 4 คนผู้ชายหมด ชื่อเล่น บ. ทั้งบ้าน น้องชื่อ บิ๊ก เพิ่งหมั้นวันนี้ กำลังจะแต่งงานวันที่ 22 มกราคม ที่จะถึง … คาดว่าวงการเว็บพนันออนไลน์น่าจะไปร่วมงานแต่งถ้วนหน้า … และมีคนมีชื่อเสียงร่วมงานเยอะ สายสืบ-ตำรวจใดๆ ทำงานด้วยค๊าบ มีข้อมูลอยู่แล้ว อยากรวบใคร รวบเลย! ฝากนักสืบ และ ผู้มีประสบการณ์ทำงานด้วยค๊า ป.ล. ไม่ผิดที่มีความรักและแต่งงาน แต่ผิดที่ทำธุรกิจสกปรก ไม่ขาว ผิดกฎหมาย และกล้าจัดงานใหญ่โตในขณะที่คนอื่นโดนจับกัน โชว์ความรวยที่ได้มาจากเว็บพนันที่หลอกเงินคนไทย กุกุ #ตำรวจไทยเก่งที่สุด #ทำคดีอื่นแล้วฝากคดีนี้ด้วยค๊าพี่ตำรวจ”

งานนี้ทำเอาชาวเน็ตพุ่งเป้าไปที่ บ. อดีตคนรักของนางเอกสาว ซึ่งหลายอย่างตรงกับรายละเอียดที่เธอโพสต์ ทั้งชื่อเล่น บ. มีพี่น้อง 4 คนชายล้วน และน้องชายเพิ่งจัดงานหมั้นวันนั้นพอดี แถมมีเพื่อนของดิวไปร่วมงานอีกด้วย สำหรับหนุ่ม บ. ทำธุรกิจหลายอย่าง อาทิ ผับ, ร้านอาหาร และยังเป็นเจ้าของรถซูเปอร์คาร์หลายรุ่นและยังเป็นนักแข่งรถ อีกทั้งยังเคยคบหาดูใจกับดิวช่วงปี 2562-2563 นอกจากนี้ทั้งคู่หวานออกสื่อมากจนเกิดแฮชแท็ก “คนดีของใจ” ต่อมาหลังจากนั้นปีกว่า ทั้งคู่ก็ได้แยกย้ายเลิกรากัน พร้อมกับดิวได้เปิดตัวแฟนใหม่ซึ่งก็คือ เซบาสเตียน นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชาวไต้หวัน

– เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2566
ดิว ได้ออกมาโพสต์เขียนชี้แจงอีกครั้งกับเรื่องที่เกิดขึ้นในเฟซบุ๊กของเธอว่า “สวัสดีค่ะ หลายวันที่ดิวหายไปไม่ได้มีโอกาสออกมาพูดหรือชี้แจงอะไรเนื่องจากดิวติดธุระส่วนตัวและมีหลายอย่างที่ต้องจัดแจงให้เรียบร้อย วันนี้มีเวลาเลยขออนุญาต มาชี้แจงขอสงสัยและตอบคำถามบางคำถามผ่านทาง Facebook ส่วนตัว เพื่อจะได้ไม่เป็นการรบกวนคนรอบข้างตัวดิวให้ต้องมานั่งตอบคำถามต่างๆ เหล่านั้น ก่อนอื่น ดิวต้องขอบคุณสำหรับความห่วงใยทั้งจากคนที่รู้จักและไม่รู้จักในการกระทำครั้งนี้ ที่ดิวออกมาโพสต์แชร์ข้อมูลต่างๆ เป็นความจริง ขอบคุณจากใจมากๆ นะคะ แต่ ดิว อยากจะบอกว่า ดิว คิดทบทวนไตร่ตรองมาอย่างดีแล้ว และตอนนี้ ดิว มีความสุข ปลอดภัยดี สามีดิว ตัวดิว ครอบครัวพวกเราทำอาชีพปกติ เงินสะอาดและไม่มีอะไรต้องกังวล หลบซ่อน หรือพูดง่ายๆ คือ บ้านเราไม่มีอะไรที่ผิด ให้ย้อนกลับมาทำร้ายเราได้เลย และดิวไม่ได้จะไม่กลับประเทศไทยนะคะ กลับแน่นอน ดิวขอขอบคุณทุกๆ ความห่วงใย และความเป็นห่วงในความปลอดภัยของดิวและครอบครัวนะคะ
จากการกระทำของดิวไม่ได้ต้องการ ความอวยยศ ชื่นชม ยกยอ และขอชี้แจงตรงนี้ว่า ดิว ไม่ได้ทะเลาะกับใคร และไม่ได้ต้องการอะไรจากใคร จากในสิ่งที่พูด ไปมากกว่า เป็นกระบอกเสียงๆ หนึ่ง ที่ไม่อยากแค่เป็นคนที่ รับรู้ เห็น และปล่อยผ่าน กับเรื่องที่ผิด และปล่อยผ่านมันไป จนเรื่องที่ผิดกลายเป็นเรื่องปกติ ที่สังคมมองว่าทั่วไป จนมันกลายเป็นคำว่า “ผิด” เป็น “ถูก” สำหรับเรื่องราวในอดีตของ ดิว กับใคร อดีตคืออดีตที่ ดิว ผ่านมาและ ดิว ไม่ขอโทษใครไปมากกว่าตัวเอง ไม่มีความจำเป็นต้องพูดถึง คิดกันไปไกล เพราะประเด็นมันคือแค่ สิ่งที่ ดิว ทำ ดิว มีคำถามที่มีในใจตัวเองเสมอมาว่า ถ้าเรารู้ เราเห็นว่าอะไรที่มันไม่ดีไม่ถูก ไม่ควร ผิดที่ผิดทาง และเราปล่อยมันไป ปล่อยมันไว้ แล้วเมื่อไหร่อะไรๆ ในสังคม และสิ่งที่เราต้องอยู่มันจะดีขึ้นสักที
ดิว เชื่อว่าในมุมมองหลายคน บางสิ่งบางอย่างมันเรื่องที่เปลี่ยนยาก แต่ถ้าไม่เริ่ม มันก็คงไม่มีวันเปลี่ยน และเราจะต้องอยู่กันแบบนี้จริงเหรอ? คำถามคือ ถ้าจริง เด็ก หรือใครก็ตามที่เติบโตมาและต้องอยู่ในสังคมที่มีอะไรแบบนี้ มันจะท้อแท้แค่ไหน ถ้าคนที่ทำผิด มีชีวิตที่ดีเปิดเผยตัวเอง ออกหน้าแบบปกติทั่วไป คนที่ทำดีทำถูก ทำมาหากินสุจริต สู้กับชีวิตไปแต่ละวัน จะท้อแท้แค่ไหน เพราะดีเท่าไหร่มันก็คงไม่ทันคนที่ทำผิดและรวยทางลัดกับสิ่งที่ผิดอยู่ดี ชีวิตคนเราอาจจะอยู่ที่โอกาส และโอกาสแต่ละคนมีไม่เหมือนกัน แต่ดิวเชื่อว่าคนทุกคนอยากทำดี ให้ดีที่สุดให้กับชีวิตตัวเองอยู่แล้ว คนทุกคนเลือกได้… คำถามคือ สำหรับคนที่ทำผิดที่รู้ว่าสิ่งที่ทำมันผิดและยังเลือกทำผิดกันทั้งครอบครัว และกล้าใช้ชีวิตแบบคนทั่วไป ในแบบฉบับ “รวยผิดปกติ” มันถูกต้อง ถูกที่ ถูกทางแล้วเหรอ

อย่างไรก็ตาม ดิวเชื่อและมีความหวังว่ากระบวนการยุติธรรมและตำรวจไทย เก่ง มีความสามารถ และความเป็นธรรมมากพอ ที่จะจัดการ แก้ไข เปลี่ยนแปลงในอะไรที่ผิด ให้อยู่ถูกที่ ดิวเชื่อแบบนั้นนะ จากข่าวที่ผ่านมาและความเปลี่ยนแปลงในหลายๆ เรื่องที่ผ่านมาของประเทศเรา สุดท้าย ดิวอยากบอกทุกคนที่เป็นห่วงดิวให้เข้าใจดิวว่า ความคิดเห็นในแง่ลบ หรือ โพสต์ต่างๆ ที่ออกมาตีกลับจากสิ่งที่ดิวทำ มันไม่ได้ทำให้ ดิว รู้สึกอะไร เพราะมันเป็นเรื่องปกติที่ เหรียญย่อมมี 2 ด้านเสมอ ดิว เข้าใจสัจธรรมนี้ดี และไม่ขอสนใจ เพราะ ดิว มีจุดยืนและเข้าใจตัวเองมากพอ ดิว ทราบดีว่าสิ่งที่ทำมันค่อนข้างเสี่ยง เพราะ 4 พี่น้องมีคนหนึ่งเป็นตำรวจที่ใช้เส้นสายเข้าไป ก็ถือว่าเป็นผู้มีอิทธิพล ตำรวจที่ขับรถสปอร์ตไปทำงาน แต่ถ้าตัวดิวไม่เสี่ยงทำทุกอย่างก็คงไม่มีอะไรที่เปลี่ยนแต่กลับแย่ลง ขอบคุณทุกความสนใจ ขอบคุณทุกคนที่เข้าใจ ขอบคุณทุกคนที่ชื่นชม ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง ขอบคุณจริงๆ ขอฝากความหวังและเป็นกำลังใจให้กับ พี่ๆ อาๆ ตำรวจไทย และ นักสืบโซเชียลคนเก่งทั้งหลาย ช่วยกันทำงานและสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นกับสังคมไทยนะคะ”

กระทั่งต่อมา พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีออกมาระบุว่า ตรวจสอบข้อมูลแล้ว พบว่าเพจหลักที่เปิดให้เล่นพนันออนไลน์ได้ปิดแล้ว ส่วนเพจอื่นๆ ที่เป็นเครือข่ายอยู่ระหว่างการตรวจสอบ รวมไปถึงเส้นทางการเงินของกลุ่มทุน นอกจากนี้นายสนธิ ได้ขยายความว่า 4 บ. ที่ “ดิว อริสรา” ชี้เป้านั้นคือใคร
1. นายชัยวัฒน์ ขจรบุญถาวร (เบนซ์ เดม่อน) อายุ 37 ปี เป็นพี่ชายคนโต แฟนเก่าของ ดิว อริสรา
2. นายเอกชัย ขจรบุญถาวร (บอส) อายุ 35 ปี
3. นายกิตติพงษ์ ขจรบุญถาวร (บิ๊ก) อายุ 32 ปี
4. ร.ต.อ.คุณากร ขจรบุญถาวร (ไบรท์) ตำแหน่งรองสารวัตรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตม.2 ขาออก อายุ 30 ปี
ปัจจุบัน ทั้ง 4 บ. ลบข้อมูลบนโซเชียลมีเดียของตัวเองออกทั้งหมด และเดินทางไปหลบอยู่ที่เกาะฮ่องกง ออกจากประเทศไทยไปตั้งแต่วันจันทร์ที่ 16 มกราคม 2566 หลังจาก ดิว อริสรา ออกมาเปิดโปงได้ไม่ถึง 24 ชั่วโมง

– เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 ชุดปฏิบัติการพิเศษคอมมานโด เปิดยุทธการ มาเก๊า 888 (macau888) นำหมายค้นปิดล้อมตรวจค้น 8 จุดทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับเว็บพนันออนไลน์ โดยจุดที่น่าสนใจ คือการเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่  87/91 หมู่บ้านหรู ย่านถนนเลียบคลองประปา ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นบ้านของ นายณัฐพงศ์ ชินลา หรือ ซิโก้  อายุ 28 ปี ชาว จ.อุดรธานี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 325 /2566 ลงวันที่ 31 ม.ค. ในความผิดฐานร่วมกันเป็นผู้จัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศการโฆษณาหรือชักชวนโดยตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่น เข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่น ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน, ร่วมกันฟอกเงิน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ไม่พบตัวของนายซิโก้ ซึ่งได้ทำการตรวจยึดพยานหลักฐานที่สำคัญทางคดี อย่างไรก็ตาม อยู่รายงานว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นจุดที่เว็บพนันออนไลน์มาเก๊า 888 ใช้รวบรวมโพยพนันบอลและหวยตลอดจนข้อมูลของลูกค้า โดยตัวของนายซิโก้ ทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่การเงิน ของเครือข่ายดังกล่าว…