เซย์ฮาย..เหล่าผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน มาพบกับพวกเรา “ชาวบ้าน 1/4” อีกแล้วนะคะ แน่นอนเราก็ยังคงมาพร้อมข่าวฮอต ประเด็นร้อนของวงการบันเทิงทั่วโลก สัปดาห์นี้ขอย้ายประเทศชั่วคราว มาบุกทางบันเทิงฝั่งฮอลลีวู้ดกันบ้างนะคะ กับเวทีงานประกาศรางวัลที่สำคัญสุดของวงการดนตรีอย่าง Grammy Awards 2023” เพื่อมอบรางวัลให้กับศิลปินและอัลบั้มที่ดีที่สุดในรอบปีที่ผ่านมาที่จัดขึ้นโดยสถาบันศิลปะวิทยาการการบันทึกเสียงแห่งสหรัฐอเมริกา (National Academy of Recording Arts and Sciences :NARAS) ซึ่งปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 65

บอกเลยว่าปีนี้มีเซอร์ไพร้ส์มากมายหลากหลายโมเมนต์ เริ่มต้นกับผู้ที่ได้รับรางวัลมากที่สุดในปีนี้ ตกเป็นของศิลปินดีว่าระดับโลกอย่าง “Beyoncé” (บียอนเซ) ซึ่งเธอคว้ารางวัลในปีนี้ไปได้ทั้งหมด 4 รางวัล จากผลงานเพลงในอัลบั้ม “Renaissance” ทั้งรางวัลอัลบั้มเพลงแดนซ์/อิเล็กทรอนิกส์ยอดเยี่ยม จากอัลบั้ม ‘Renaissance’ รวมทั้งรางวัลเพลงอาร์แอนด์บียอดเยี่ยม จากเพลง “Cuff It” รางวัลการแสดงเพลงอาร์แอนด์บีแบบดั้งเดิมยอดเยี่ยมจากเพลง “Plastic Off the Sofa” และรางวัลบันทึกเสียงเพลงแดนซ์/อิเล็กทรอนิกส์ยอดเยี่ยมแห่งปี จากเพลง “Break My Soul” ซึ่งทำให้เธอเป็น “ศิลปินผิวสีคนแรกที่ชนะในสาขานี้” ถือเป็นการเพิ่มพื้นที่ให้กับศิลปินผิวสีในสาขาเพลงด้านอื่น ๆ อีกด้วย

นอกจากนี้ Beyoncé ยังสามารถสร้างประวัติศาสตร์ในนฐานะของ “ศิลปินที่ชนะรางวัลแกรมมี่มากที่สุดตลอดกาล” รวมทั้งสิ้น 32 รางวัล นับตั้งแต่รางวัลแรกจนถึงปัจจุบัน ชนะเจ้าของสถิติเดิมอย่าง George Solti (จอร์จ โซลติ) วาทยากรผู้ครองสถิตินี้เดิมที่ 31 รางวัล และอีกหนึ่งความน่าสนใจสุนทรพจน์ขึ้นรับรางวัลของเธอที่ตราตรึงเช่นเคย โดย Beyoncé ได้กล่าวขอบคุณแรงบันดาลใจจากชาว Queer (เควียร์) ที่เป็นจุดเริ่มต้นให้เธอได้ค้นพบอะไรใหม่ๆ อยู่เสมอ นับเป็นอีกหนึ่งโมเมนต์สำคัญที่เธออุทิศให้กับ LGBTQIA+ Community ทั่วโลกเสมอมานั่นเอง ไม่เพียงเท่านั้นเธอยังทำลายสถิติการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาอีกด้วย หลังจากที่เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลถึง 9 สาขารางวัลในปีนี้ และรวมทั้งหมด 88 ครั้งตลอดชีวิตการทำงานของเธอ ซึ่งเป็นสถิตินี้ของเธอยังรวมไปถึงสาขารางวัลที่เธอเคยได้รับร่วมกับ Jay-z สามีของเธออีกด้วย

มาต่อกันที่หนึ่งประวัติศาสตร์สำคัญอย่างรางวัล สาขา Best Performance by Duo/Group ที่ตกไปอยู่ในมือของ “Sam Smith” (แซม สมิธ) และ “Kim Petras” (คิม เพทราส) กับผลงานเพลง “Unholy” เพราะนี่ถือเป็นครั้งแรกที่ทรานส์เจนเดอร์อย่าง Kim Petras เป็นเจ้าของรางวัลนี้ และเนื่องจากเธอเป็นทรานส์เจนเดอร์คนแรกที่สร้างตำนาน Sam Smith จึงให้เกียรติเธอด้วยการให้เธอเป็นผู้กล่าวสุนทรพจน์บนเวที และเธอก็ได้กล่าวว่า “แซมฉันรักคุณมาก เพลงนี้มันยอดเยี่ยมและเป็นการเดินทางที่แสนมหัศจรรย์สำหรับฉัน เขาเป็นคนที่สนับสนุนฉันมาโดยตลอด เขาอยากให้ฉันเป็นคนกล่าวขอบคุณสำหรับรางวัลนี้ เพราะวันนี้ฉันคือผู้หญิงข้ามเพศคนแรกที่ชนะรางวัลแกรมมี่สาขานี้”

นอกจากนี้เธอยังกล่าวขอบคุณ Madonna ที่เป็นศิลปินผู้ผลักดันสิทธิความเท่าเทียมให้กับกลุ่มคน LGBTQ+ มาตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา และเธอก็ขอบคุณแม่ของเธอที่เชื่อว่าเธอเป็นเด็กผู้หญิงมาตั้งแต่ต้น ซึ่งถ้าไม่มีการสนับสนุนของแม่ ก็คงไม่มีเธอในวันนี้เช่นเดียวกัน

ซึ่งบอกได้เลยว่าการจะคว้ารางวัลจากเวทีใหญ่แบบนี้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะความขลังและมาตรฐานที่สั่งสมกันมาตั้งแต่ในอดีตกลายเป็นภาพจำ รวมทั้งการตีกรอบแบบเดิมที่อาจทำให้ LGBTQ+ มีโอกาสคว้ารางวัลนี้น้อยลง แต่ทั้งคู่ก็ทำมันสำเร็จ สามารถพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า “เพศ” ไม่ใช่สิ่งที่มาตัดสิน “ความสามารถ” ดังนั้นจึงการันตีได้แล้วว่าผลงานของเขาทั้งคู่ “มีคุณภาพโดยไม่มีกรอบจำกัดของเพศมาเกี่ยวข้อง”

ปิดท้ายกันกับรางวัล “สาขาอัลบั้มดนตรีโลกยอดเยี่ยม” ที่ปีนี้ตกมาเป็นของอัลบั้มที่มีชื่อว่า “ซากุระ” ของ Masa Takumi (มาซะ ทากูมิ) นักดนตรีชาวญี่ปุ่น ซึ่งเขาเป็นศิลปินเดี่ยวชาวเอเชียเพียงหนึ่งเดียวที่ได้รับรางวัลในปีนี้ โดย Takumi กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับรางวัลอันทรงเกียรติถึงขนาดนี้ และเขาจะใช้เวลาดื่มด่ำประสบการณ์นี้ เขาเชื่อว่าอัลบั้มของเขาได้รับคะแนนสูง เพราะเขาพยายามผสมผสานเสียงแบบอเมริกันเข้ากับเครื่องดนตรีญี่ปุ่น เพื่อให้ผู้คนในทั้งสองประเทศได้ฟัง อย่างไรก็ตามอีกหนึ่งยังมีชาวเอเชียที่ขึ้นรับรางวัลในปีนี้ร่วมกับกลุ่มเพื่อนอย่าง “โองาวะ เคตะ” มือกลองชาวญี่ปุ่นสมาชิกวง “Snarky Puppy” (สนาร์กี พัปปี) “สาขาอัลบั้มดนตรีบรรเลงร่วมสมัยยอดเยี่ยม” จากอัลบัม “Empire Central” (เอ็มไพร์ เซ็นทรัล) อีกด้วย..

———————————————
คอลัมน์ “คันปากอยากเม้าท์”
โดย “เมี้ยนฤดี”