เมื่อวันที่ 24 ก.พ. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาเพื่อเด็กและสตรี ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมขบวนการนำพาหญิงไทยไปหลอกค้าประเวณีในประเทศเมียนมาโดยมีผู้ต้องหาทั้งหมด 6 รายจากหมายจับของศาลทั้งหมด 8 ราย โดยอีก 2 รายยังคงหลบหนีอยู่ในประเทศเมียนมา ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 65 นางปวีณา ได้ช่วยเหลือหญิงสาวชาวไทย 3 ราย (อายุ 27 ปี 28 ปี และ 29 ปี) ซึ่งถูกหลอกให้ไปทำงานยังเมืองล็อกกิ่ง ประเทศเมียนมา โดยอ้างว่าทำงานใช้เวลาไม่นาน เพียงแค่นั่งดื่มเป็นเพื่อนแขกที่มาเที่ยว ก็จะมีรายได้สูงถึงเดือนละ 50,000 บาท แต่พอไปถึงกลับบังคับให้ค้าประเวณี ภายหลังสามารถกลับมายังประเทศไทยอย่างปลอดภัย ก่อนจะเข้าร้องเรียนต่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เพื่อให้ช่วยขยายผลจับกุมขบวนการค้ามนุษย์เหล่านี้ให้หมดไป

สำหรับพฤติการณ์ของขบวนนี้ จะเริ่มจากตีซี้หญิงสาวให้ไปทำงานบริการนั่งดื่มกับลูกค้าที่เมืองล็อกกิ่ง ประเทศเมียนมา ก็จะได้เงินถึง 5 หมื่น พอเหยื่อหลงเชื่อก็จะให้คนมารับไปยังเส้นทางธรรมชาติ ชายแดนประเทศไทย-เมียนมา ที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ และเมื่อข้ามไปฝั่งประเทศเพื่อนบ้านได้แล้วก็จะถูกส่งตัวไปยังร้านคาราโอเกะเพื่อขายบริการทันที่ หากไม่ยินยอมก็จะโดนทำร้ายร่างกาย จะหนีก็ไม่ได้เพราะมีกลุ่มคนร้ายถืออาวุธปืนเฝ้าอยู่ตลอดเวลา

โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า คดีนี้เป็นผลความสำเร็จจากการทำงานร่วมกันระหว่างตำรวจไทยร่วมกับมูลนิธิปวีณาฯ ทำให้สามารถทะลายขบวนการแก๊งค้ามนุษย์ดังกล่าวได้ โดยในคืนนี้ตนจะเดินทางไปสหรัฐอเมริกา เพื่อร่วมแถลงผลการดำเนินการปราบปรามการค้ามนุษย์ต่อวุฒิสภาสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะนำคดีนี้ไปแถลงเป็นผลงานด้วย คาดหวังว่า ประเทศไทยจะได้รับการประเมินสถานการณ์ค้ามนุษย์ เลื่อนขั่นจาก Tier 2 ขึ้นสู่ Tier 1 ได้ในปีนี้ พร้อมทั้งฝากเตือนพี่น้องประชาชนว่า อย่าหลงเชื่อการชักชวนไปทำงานในต่างประเทศ โดยเฉพาะบรรดาโฆษณาในโซเชียลมีเดียทั้งหลาย เพราะอาจจะเป็นการหลอกลวงค้ามนุษย์แบบกรณีดังกล่าว ขอให้เช็กกับทางกระทรวงแรงงานเสียก่อน และย้ำว่า ตำรวจไทยดำเนินการอย่างเต็มที่ในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์

ด้าน คุณปวีณา กล่าวขอบคุณ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่ทำงานอย่างแข็งขันในการปราบปรามค้ามนุษย์และให้การช่วยเหลือผู้เสียหายกลับคืนสู่ประเทศ พร้อมทั้งระบุอีกว่า ยังพบรายงานชาวไทยตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ในหลายพื้นที่ประเทศเมียนมาร์ ซึ่งบางพื้นที่นั้นเป็นพื้นที่สงครามและอยู่ภายใต้การครอบงำของกลุ่มติดอาวุธ จึงยากที่เจ้าหน้าที่รัฐจะเข้าไปให้ความช่วยเหลือได้ แต่ก็ได้เตรียมข้อมูลประสานให้แก่ตำรวจ โดยหวังว่าชุดดำเนินการของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะสามารถประสานกับทางเมียนมาร์เพื่อให้การช่วยเหลือได้ ขณะที่ตัวแทนผู้เสียหายกล่าวขอบคุณพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่ให้การช่วยเหลือและเร่งรัดการดำเนินคดีจนสามารถจับได้เกือบทั้งขบวนการ