ถือว่าเป็นดาวค้างฟ้า กาลเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ก็ทำอะไรกับความสวยของเธอไม่ได้ สำหรับ จิ๊ก-เนาวรัตน์ ยุกตะนันทน์ ล่าสุดมาออกรายการคนดังนั่งเคลียร์ ทางช่อง 8 หลังมีข่าวว่าไร้งาน เพราะเรื่องมากจนชีวิตตกอับ จนต้องขายบ้าน ขายที่ดินกิน ไม่พอ รังเกียจลูกสะใภ้จนต้องขอแยกบ้านอยู่ พร้อมกับประเด็นที่ชวนอึ้ง นำเครื่องสำอางที่แต่งหน้าศพมาขายต่อ ล่าสุดสาวจิ๊กเล่าเรื่องนี้แล้ว

จิ๊ก เผยว่า “ที่คนมองตอนนี้พี่จิ๊กเลือกบท งานเลยไม่คุยชุกเหมือนวันเก่า ยอมรับว่าถูกต้อง เพราะว่าไม่มีคุณค่าไง เด็กมันโตขึ้น เขาก็ไปเอาเด็กที่โตขึ้นแทนเรา เราก็กระเถิบขึ้นไปอีก แต่เรื่องไม่มีเงินจนต้องขายบ้านทุบบ้านไปแล้ว ทุบทิ้งเลย เอาอิฐขายหมดเลย จริง ขายอิฐ ขายอะไรหมดเกลี้ยงเลย ประตู หน้าต่าง พอทุบแล้วก็ไปอาศัยห้องเช่าในเกศินีวิลล์นั่นแหละ (หัวเราะ) ก็คือบ้านมันเป็นแบบนี้นะ ชีวิตมีลูก 2 คน เพราะฉะนั้นแล้วทุกอย่างมันมีการแตกแยก เราไม่ได้อยู่ค้ำฟ้า วันหนึ่งเราต้องตายจากไปแน่นอน เราก็เลยตัดสินใจแบ่งครึ่งบ้านให้ลูกคนละส่วน คนนี้โฉนดหนึ่ง อีกคนโฉนดหนึ่ง เราก็ไม่มี และเราก็อาศัยลูกอยู่ไปก่อน แล้ววันหนึ่งที่เราตายจากไป ลูกคนหนึ่งก็ได้บ้าน คือไม่ต้องมานั่งแบ่งสมบัติกัน ถ้าอยู่หลังเดียวกันหมด คนนี้ไม่ถูกกับน้องสะใภ้ คนนี้ไม่ถูกกับพี่สะใภ้ แม่สามีเขามา พ่อสามีเขามา โอ๊ยปวดหัว เราตายไปแล้ว แล้วลูกจะสู้รบตบมือทำไม ทำไปเลย พี่เตรียมทุกอย่าง ในเรื่องที่คนเราต้องเตรียมตัวก่อนตาย”

“อย่างการทำงาน ย้อนไปเราเป็นคนเน้นรายละเอียดเยอะแน่นอน ใครจะชอบไม่ชอบไม่เป็นอะไร ปล่อยให้เขาไม่ชอบไป แต่พี่ชอบเขาแล้วกัน พอแล้ว และแน่นอนถ้าไม่มีรายละเอียดเยอะ มันจะมีปัญหาในอนาคตแน่นอนคือ 1.ค่าตัวเท่าไร ไปเล่นเสร็จให้เท่านี้ อ้าว เพราะไม่เคลียร์กัน 2.ไกลไหม ไกลมากจนไม่มีรถรับส่งต่างจังหวัด ไม่ไป ไม่คุ้ม ได้เงินก้อนเดียวแต่รถไปชนตายคาที่ไม่เอา เพราะขับรถไปต่างจังหวัดไม่เก่ง หากมีรถรับส่ง หรือไปกับคนอื่นได้ โอเค 3.สำคัญที่สุดคือไม่มีที่จอดรถ วนไปมา ลงมาไม่ให้ที่จอด แล้วจะไปทำงานอย่างไร อารมณ์ก็เสียแล้วใช่ไหม เขาต้องดักที่จอดรถไว้ บทอะไร ค่าตัวเท่าไร ไปตั้งแต่กี่โมง เสร็จกี่โมง มันควรที่จะต้องรู้ ไม่ใช่รับเล่น แล้วไม่รู้เล่นอะไร ทำอะไร อย่างไรบ้าง รายละเอียดการรับงานเป็นสิ่งสำคัญมากจริงๆ ค่ะ”

จิ๊ก เล่าต่อว่า “ที่คนมองพี่บ้าๆ บอๆ พี่เป็นคน 2 ร่างนะ ร่าง 1 พี่จะบ้าๆ บอๆ มีความสุข แต่อีกร่างหนึ่ง ก็อะไรมาเครียดกับพี่แล้ว พี่ก็จะเครียดต่อเลย และอาจารย์รู้ไหม ก่อนออกรายการ รายการที่ดิวกับเราจะพูดกับเราทุกครั้งเสมอว่า พี่จิ๊กเอาสนุกๆ นะ พี่บ้าให้เต็มที่เลยนะ พี่เอาแบบขำๆ เลยนะ เราจะไปนั่งคุยเรื่องศีลธรรมเหรอ แล้วเขาจะขำตามที่เขาบรีฟไหม เราก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เข้าใจไหม แต่พี่ชอบรายการอาจารย์นะ ถามจริง ตอบจริง เราเป็นคนต้องอยู่คนเดียว อยู่ห้องคนเดียว ทำอะไรคนเดียว ชักโครกใช้คนเดียว อาบน้ำแบบไม่ให้ส่วนรวมไม่ชอบ ส่วนลูกก็โตแล้วไง มันอยู่ห้องเดียวกัน มาใช้ส่วนรวมกัน อาบน้ำที่เดียวกัน ชักโครกที่เดียวกันไม่ได้ พี่เป็นคนถือมาก ผ้าเช็ดตัว เสื้อใน แปรงสีฟัน กางเกงในทุกสิ่ง ถามว่าผิดปกติไหม อยู่กับสายเลือดตัวเองไม่ได้สายเลือดตัวเอง เข้าใจรักมาก แต่ก็ต้องมีการแยกแยะ บางครั้งในบางอย่างต้องเข้าใจว่าคนเราเกิดคนเดียวตายก็ต้องตายคนเดียว ฉะนั้นแล้ว เราต้องจัดสรรปันส่วน อย่าเอาลูกมาเป็นภาระ อย่าเอาลูกมาเป็นที่ตั้ง ทุกคนต้องมีชีวิตของใครของมัน ก้าวไปแต่ละส่วนของตัวเอง เราก็ก้าวต่อไปของเราให้ถูกทาง นี่ก็เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้เราต้องอยู่คนเดียว”

“ที่คนเข้าใจว่าแม่ผัวร้ายจนอยู่กับสะใภ้ไม่ได้ อันนี้มันเกินไป (หัวเราะ) ไม่มี ถามว่ารักไหม รัก เพราะเขามาดูแลเรา มาดูแลลูกเราไง ลูกเราก็ต้องให้ใจเขาเต็มที่ เราก็ต้องสนับสนุน ก็ต้องเข็นทั้งคู่ไปให้ถึงฝั่งให้ได้ เราไม่ห้ามลูกเราหรอก ถ้าคิดว่าดีมันก็ดี ถ้าคิดอีกมุมหนึ่งก็แย่นะ เพราะว่ามันไม่มีอะไรจุดยืนเป็นของตัวเอง เขาเลือกเอง ชีวิตเป็นของเขา เราห้ามไม่ได้หรอก เขาก็ดูแลแม่ผัวนะ แต่เราก็ไม่ต้องให้เขาดูหรอก เราก็บอกไม่ต้องห่วง หาข้าว หาปลาทานกันเลย แต่อยู่ร่วมบ้านไม่ได้ แบ่งเขตเลย กั้นรั้วเลย ส่วนเรื่องแต่งหน้าศพอันนี้เล่าไปแล้วก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะคะ บางอย่างก็พยายามจะขอบคุณ บางท่านก็อยากพยายามเนาวรัตน์หรือเปล่า อันนี้จิตใจคิดเองนะ บางท่านก็แบบป้าสวยแล้ว พอแล้ว เราก็จะหยุด อย่าเอาป้าไปนอนติดกับคุณลุงคนนั้นนะ เพราะป้าไม่รู้จัก แล้วเขาก็ดันเข็นเตียงเข้าไปอีก แต่อยู่ๆ เตียงก็ไหลไปเองเลย ส่วนเรื่องวิญญาณติดตาม มีแต่สิ่งดีๆ ให้กับเราค่ะ”

“ที่มีคนเขาพูดกัน เครื่องสำอางที่พี่จิ๊กแต่งหน้าศพ พอแต่งเสร็จ พี่จิ๊กเอามาขายต่อหรือเปล่า ถามว่าตายแล้ว รู้ไหมคะ คนที่บริจาคเครื่องสำอางมาให้พี่ บางครั้งก็หมดอายุ พี่ต้องมานั่งดู เปิดมามีน้ำไหล พี่ทิ้งขยะเลย อย่าไปฟังคนอื่น พี่ต้องดูว่าเครื่องสำอางมีคุณภาพ ต่อให้ไปแต่งหน้าศพก็ต้องเป็นเครื่องสำอางดีๆ ค่ะ เละๆ เน่าๆพี่ก็โยนทิ้งขยะเหมือนกัน สุดท้ายคนเราตายแล้วความดี ต้องให้คนเขาจารึก ไม่ใช่ตายไปแล้วให้คนเขาสาปแช่ง เป็น เนาวรัตน์ ยุกตะนันทน์ ได้ทุกวันนี้ ก็เพราะประชาชนสนับสนุน ถ้าไม่มีใครสนับสนุน เราจะเป็นเนาวรัตน์ไม่ได้ในทุกวันนี้แน่นอน คนอื่นอาจจะไม่นิยม อาจจะไม่ทำกัน แต่เราคิดว่าทำอะไรก็ได้ เราอยากบอกว่า ลุกขึ้นมาเถอะค่ะ ลุกขึ้นมาทำในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าในชีวิตอยากตอบแทนสังคม อยากทำให้ตัวเองมีคุณค่ามีชีวิตที่ดี ก็ไม่ต้องเลือก ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้กับสังคมค่ะ”