เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ค่ำวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่วัดบางพูดนอก ถนนสุขาประชาสรรค์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี มีพิธีสวดพระอภิธรรมศพ น้องพอร์ช (สงวนชื่อสกุลจริง) เด็กชายวัย 1 ขวบ 8 เดือน ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของนายกิตติธัช (สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี และ น.ส.ปิยะธิดา (สงวนนามสกุล) อายุ 21 ปี พ่อและแม่ รวมทั้งญาติพี่น้อง ที่มาร่วมพิธีสวดพระอภิธรรมศพ สอบถาม พ่อ-แม่น้องพอร์ช เบื้องต้นเล่าทั้งน้ำตาว่า เอาลูกไปจ้าง น.ส.นุ่น (สงวนชื่อสกุลจริง) อายุ 20 ปี ทุกครั้งที่ต้องไปทำงาน ล่าสุดวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้รับโทรศัพท์จาก น.ส.นุ่น ว่าลูกตัวเกร็ง ไม่หายใจแล้ว ตัวอยู่ที่คลินิกแห่งหนึ่ง เมื่อไปถึงตอนนั้นหมอทางคลินิกก็ให้ทำใจไว้ บอกว่าปั๊มหัวใจน้องมาครึ่งชั่วโมงรวมถึงฉีดยากระตุ้นหัวใจ

พ่อแม่น้องพอร์ช เล่าอีกว่า ปกติลูกเป็นเด็กร่าเริง จึงติดใจเรื่องการเสียชีวิตเพราะมีจุดผิดสังเกตหลายอย่าง จึงเข้าแจ้งความ และอยากให้ผ่าชันสูตร ส่วนเรื่องคาใจเพราะตัวลูกชายมีรอยช้ำบนหัวและไม่คิดว่าจะไหลตาย ส่วนคนที่จ้างเลี้ยงเป็นคนรู้จักคือรุ่นน้องจ้างมาประมาณ 3-4 เดือนแล้ว ถ้าเลี้ยงข้ามคืนวันละ 500 บาท ถ้าเป็นวัน วันละ 200-250 บาท แรกๆ ไม่มีปัญหา แต่บางครั้งเวลาไปรับลูกกลับบ้านก็มีรอยช้ำบ้าง ซึ่งทางพี่เลี้ยงบอกเป็นเพราะเด็กเล่นกัน เนื่องจากพี่เลี้ยงก็มีลูกเหมือนกันเลี้ยงคู่กับน้องพอร์ช แต่ก็ตกลงกันไว้ถ้ามีรอยช้ำกลับมาจะไม่จ่ายค่าจ้าง และมีวันหนึ่งใบหูลูกมีรอยโดนกัดแต่พี่เลี้ยงบอกว่าโดนแมวข่วน จึงเอะใจว่าจะโกหกกันทำไม จึงอยากชันสูตรศพให้ละเอียด และยืนยันว่าถ้าน้องไม่ได้เสียชีวิตจากการไหลตายตามที่แพทย์ลงความเห็น จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปสอบถาม น.ส.นุ่น พี่เลี้ยงเด็ก เบื้องต้นเผยว่า พ่อแม่น้องพามาฝากเลี้ยงวันอาทิตย์ประมาณ 2 ทุ่มกว่า บอกว่าต้องขนของไปขาย ตอนแรกจะไม่เลี้ยงเพราะว่าน้องชอบมีอาการแปลกๆ ขาสั่น ชอบเอาหัวโขกกำแพง ชอบเครียดเวลามาอยู่ที่นี่ ซึ่งพ่อแม่เด็กก็รู้เพราะเคยบอกกับตนไว้ วันที่น้องเสียคือเอาน้องนอนปกติพร้อมกับลูกของตน แต่น้องทำหน้าหงอยๆ ซึมๆ มีไข้จึงป้อนยาให้แล้วนอน ซึ่งน้องเป็นเด็กชอบนอนเอาผ้าปิดหน้า ต้องคอยเอาออกให้ตลอด

น.ส.นุ่น เผยอีกว่า กระทั่งแฟนตนเข้าไปเห็นว่าตัวน้องเกร็งตัวแข็ง จึงจับน้องทำ CPR ผายปอดน้อง ได้ยินเสียงร้องเฮือกสุดท้ายและลืมตาปรือๆ จึงรีบอุ้มไปคลินิกที่ใกล้ที่สุดจากนั้นก็หลับไปต่อ ทางคลินิกวัดค่าชีพจรได้ 80 และปั๊มหัวใจ กระทั่งพ่อแม่น้องมาถึงก่อนย้ายตัวน้องไปโรงพยาบาลแล้วเสียชีวิต ตนห้ามความคิดเขาไม่ได้เพราะลูกเขาเสียชีวิตจะโทษตนก็ไม่แปลกเพราะลูกเขาอยู่กับเรา และตนก็เคยตีน้องนานๆ ทีเวลาน้องซน แต่ก็บอกแม่น้องตลอด บางครั้งมีรอยก็เป็นเพราะเด็กเล่นกัน บางทีก็ตกจากเตียง หลังจากนี้ถ้าจะชันสูตรศพก็ยอมเพื่อความสบายใจ เพราะตนบริสุทธิ์ใจ

นายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือทนายโป้ง ที่มาร่วมสวดอภิธรรมศพ กล่าวว่า เบื้องต้นที่พ่อแม่น้องพอร์ช ติดใจสภาพศพน้องมีรอยฟกช้ำ ทั้งบริเวณศีรษะและลำตัว จึงยังคาใจอยู่ แต่เนื่องด้วยตอนนี้ทั้งสองประสบปัญหาตกงาน ไม่มีรายได้จึงขอฝากถึงโรงพยาบาลรามาธิบดี ขอคุณหมอช่วยอนุเคราะห์รับศพน้องไปผ่าชันสูตรให้ ส่วนของคดีอาญานัดหมายให้พ่อแม่น้องไปแจ้งความที่ สภ.ปากเกร็ด แล้ว จึงอยากฝากถึงพ่อแม่เด็กทุกๆ คนที่ทำงานและต้องเอาลูกไปฝากคนอื่นเลี้ยง ต้องตรวจสอบให้ดีว่ามีมาตรฐานในการดูแลไหม มีใบอนุญาติของ พม.และกระทรวงสาธารณสุข และอยากฝากถึงพี่เลี้ยงอย่าเลี้ยงเพื่อหวังแค่ค่าจ้างให้คิดว่าเลี้ยงลูกเราเอง