เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 (ศบค.) แถลงผลการประชุม ศบค.โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบค.เป็นประธาน ว่า พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ผอ.ศปก.ศบค.) เสนอว่าถึงแม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจะยังไม่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่สภาพการนี้ก็เป็นสถานการณ์โดยทั่วไปของประเทศต่างๆ ในโลก ศปก.ศบค.จึงเสนอมาตรการคลายล็อกพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 

โดย ศบค.เห็นชอบให้คงพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เหมือนเดิม 29 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพฯ กาญจนบุรี ชลบุรีฉะเชิงเทรา ตาก นครปฐม นครนายก นครราชสีมา นราธิวาส นนทบุรี ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี ปัตตานี พระนครศรีอยุธยา เพชรบุรี เพชรบูรณ์ ยะลา ระยอง ราชบุรี ลพบุรี สงขลา สิงห์บุรี สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สระบุรี สุพรรณบุรี และอ่างทอง เช่นเดียวกับพื้นที่ควบคุมสูงสุด 37 จังหวัด ประกอบด้วย กาฬสินธุ์ กำแพงเพชร ขอนแก่น จันทบุรี ชัยนาท ชัยภูมิ ชุมพร เชียงราย เชียงใหม่ ตรัง ตราด นครศรีธรรมราช นครสวรรค์ บุรีรัมย์ พัทลุง พิจิตร พิษณุโลก มหาสารคาม ยโสธร ระนอง ร้อยเอ็ด ลำปาง ลำพูน เลย ศรีสะเกษ สกลนคร สตูล สระแก้ว สุโขทัย สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลำภู อุตรดิตถ์ อุทัยธานี อุดรธานี อุบลราชธานี และอำนาจเจริญ และพื้นที่ควบคุม 11 จังหวัด ประกอบด้วย กระบี่ นครพนม น่าน บึงกาฬ พะเยา พังงา แพร่ ภูเก็ต มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน และสุราษฎร์ธานี

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า สำหรับการยกระดับมาตรการป้องกัน โควิด-19 แบ่งเป็นการเปิดกิจการและจัดกิจกรรมให้ปลอดภัยและยังยืนด้วยหลักการ Covid-Free Setting และ Universal Prevention สำหรับสถานที่เสี่ยงและกลุ่มเสี่ยงโดย Universal Prevention for Covid-19 หรือการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล ซึ่งเป็นการระมัดระวังป้องกันตนเองขั้นสูงสุดตลอดเวลาของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นบุคลากรทางการแพทย์หรือประชาชนทั่วไปให้ปลอดภัยจากการติดเชื้อ โควิด-19 แม้ยังไม่พบว่ามีความเสี่ยง

โดยมาตรการสำหรับองค์กร Covid-Free Setting แบ่งเป็น 3 อันดับคือ 1.Covid-Free Environment คือ ระบบระบายอากาศ สุขอนามัย สะอาดปลอดภัย และ เว้นระยะห่าง 2.  Covid-Free Personnel คือ ผู้ประกอบการและพนักงานที่ให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านตัดผม และร้านนวด เป็นต้น โดยจะระดมฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ 2 เข็มให้เร็วที่สุดและตรวจ ATK ทุกสัปดาห์ให้พนักงาน 3. Covid-Free Customer  คือ ลูกค้าจะต้องฉีดวัคซีนครบทั้ง 2 เข็ม และก่อนเข้ารับบริการจะต้องตรวจ ATK หรือมีใบรับรองผลการตรวจเป็นลบไม่เกิน 7 วัน โดยปลัดกระทรวงสาธารณสุขเน้นย้ำว่าเป็นมาตรการที่จะทำให้นำไปสู่การที่กิจการและกิจกรรมต่างๆ เหล่านี้สามารถเปิดดำเนินการได้มากขึ้น โดยอาจจะต้องมีการกำกับติดตามอย่างเข้มงวดงวด โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 

พญ.อภิสมัย กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ เริ่มในวันที่ 1 ก.ย.นี้ เป็นการดำเนินการในพื้นที่นำร่องเฉพาะสถานประกอบการ หรือสถานบริการที่มีความพร้อมมีการดำเนินการได้ โดยจะต้องมีความเห็นชอบจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เช่น สถานประกอบกิจการ ร้านอาหารในบางที่มีความพร้อม เช่น พนักงานฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม และสามารถหาชุดตรวจ ATK เพื่ออำนวยความสะดวกที่จะตรวจพนักงานทุกสัปดาห์ แต่ยังไม่ได้มีผลบังคับใช้กับทุกร้าน หรือทุกสถานประกอบการ เป็นการใช้นำร่อง หากยังไม่พร้อมก็สามารถศึกษารายละเอียด หรือหารือกับสมาคมภัตตาคารไทยก่อนได้

พญ.อภิสมัย กล่าวอีกว่า สำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด ยังคงเดินทางได้ แต่ขอความร่วมมือหลีกเลี่ยงการเดินทางหรือเดินทางเมื่อมีเหตุจำเป็นเท่านั้น สื่อสารให้ผู้ที่มีประวัติเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือผู้ติดเชื้อให้เดินทางตามโครงการรับคนกลับบ้านรับผู้ป่วยกลับภูมิลำเนาเดิม เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อระหว่าง และหลังการเดินทางแต่ยังคงเดิมห้ามออกนอกเคหสถานในเวลา 21.00-04.00 น. และ Work From Home เหมือนเดิมต่อ 14 วัน รวมถึงห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 25 คน ส่วนระบบขนส่งสาธารณะเปิดดำเนินการได้ แต่จำกัดจำนวนผู้โดยสารไม่เกิน 75 เปอร์เซ็นต์ สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ห้ามรับประทานอาหาร ซึ่งมาตรการสำหรับรถโดยสารหรือรถตู้ระยะทางกายควรแวะพักทุก 2 ถึง 3 ชั่วโมงเพื่อระบายอากาศ และการเดินทางไปทำงานของแรงงานให้ใช้ระบบ Seal route ตามมาตรการ Bubble and Seal  อย่างไรก็ตาม ส่วนพื้นที่ควบคุมสูงสุด มาตรการยังคงเดิม ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 50 คน และพื้นที่ควบคุม มาตรการยังคงเดิม ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 100 คน

พญ.อภิสมัย กล่าวด้วยว่า สำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด ในส่วนการเปิดบริการของร้านอาหารประเภทร้านอาหารที่อยู่นอกอาคาร หรือในอาคาร แต่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ โล่ง อากาศถ่ายเทดี ให้นั่งรับประทานได้ 75 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ ส่วนร้านอาหารที่เป็นห้องที่มีเครื่องปรับอากาศให้นั่งรับประทานอาหารได้ 50 เปอร์เซ็นต์ ยังคงงดการจำหน่ายและงดดื่มสุราในร้าน และผู้ประกอบการต้องดำเนินการตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด และมีการกำกับติดตามมาตรการ โดยผู้ประกอบการ สมาคมภัตตาคารอาหารไทย และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด หรือกรุงเทพฯ

ส่วนการปรับมาตรการสำหรับกิจการห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ กิจการกิจกรรมสามารถเปิดดำเนินการได้ทุกแผนก ภายใต้มาตรการ ยกเว้นกิจการ กิจกรรม ดังต่อไปนี้ กลุ่มที่ 1 กิจการกิจกรรมที่เปิดได้แบบมีเงื่อนไขได้แก่ ร้านเสริมสวย ร้านตัดผม หรือแต่งผม เปิดได้เฉพาะตัดผมเท่านั้น ไม่เกิน 1 ชั่วโมง โดยอาจจะต้องมีการนัดหมายและจองคิวไว้ก่อนเพื่อเลี้ยงลูกค้าเข้าไปแออัด, ร้านนวดเปิดได้เฉพาะนวดเท้า, คลินิกเสริมความงาม เปิดจำหน่ายสินค้าเท่านั้น (อาจมีการนัดหมายล่วงหน้าเมื่อมีความพร้อม) โดยให้เปิดถึงเวลา 20.00 น. และส่วนกลุ่ม 2 กิจการกิจกรรมที่ยังไม่เปิดให้บริการได้แก่ สถาบันกวดวิชา โรงภาพยนตร์ สปา สวนสนุก สวนน้ำ ฟิตเนส ห้องออกกำลังกาย สระว่ายน้ำ สปา และห้องจัดประชุมหรือจัดเลี้ยง

พญ.อภิสมัย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ในส่วนสถานศึกษายังไม่เปิดเรียน แต่ที่ประชุม ศบค.เห็นชอบเปิดให้ใช้อาคารของสถานศึกษาได้ โดยผ่านความเห็นชอบของผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ในพื้นที่ร่วมกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด หรือกรุงเทพฯ และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวง อว. และกระทรวงสาธารณสุขกำหนด ขณะที้การเปิดใช้สนามกีฬาและสวนสาธารณะสามารถเปิดใช้สนามกีฬาและสวนสาธารณะประเภทกลางแจ้ง หรือสนามกีฬาในร่มที่เป็นที่โล่ง อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่มีระบบปรับอากาศสามารถใช้ในการเล่นซ้อม หรือแข่งขันกีฬาได้แบบไม่มีผู้ชม ทั้งนี้ ให้มีการจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมและไม่ให้มีการรวมกลุ่มกัน โดยผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดและกรุงเทพฯ นอกจากนี้ สามารถเปิดใช้สนามกีฬาทุกประเภท สำหรับการฝึกซ้อมของนักกีฬาทีมชาติไทยแบบไม่มีผู้ชม โดยแจ้งให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดและกรุงเทพฯ ทราบล่วงหน้าก่อนการเริ่มใช้ โดยเปิดไม่เกินเวลา 20.00 น. อย่างไรก็ตาม ทุกมาตรการผ่อนคลายเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. ขอความร่วมมือให้ดำเนินการในพื้นที่นำร่องหรือสถานที่ที่มีความพร้อม แต่ให้เตรียมความพร้อมสถานประกอบการทุกแห่งว่าจะใช้มาตรการเดียวกัน.