เมื่อวันที่ 9 มี.ค. ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาในคดีที่เครือข่ายวางแผนและผังเมืองเพื่อสังคม และพวกรวม 12 ราย ยื่นฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) คณะกรรมการอำนวยการโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2) กระทรวงมหาดไทย (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3) กรุงเทพมหานคร (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4) โดยขอให้เพิกถอนโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ตามที่กระทรวงมหาดไทย และกรุงเทพมหานคร ทำการศึกษาออกแบบแนวความคิดเบื้องต้น เพื่อพัฒนาพื้นที่สองฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ถึงสะพานพระราม 7 ทั้งสองฝั่ง ระยะทางรวมประมาณ 14 กม. ให้เป็นทางสัญจรโดยใช้จักรยานในการชมทัศนียภาพ การพักผ่อนหย่อนใจและนันทนาการ การกีฬา และการท่องเที่ยวนั้น
ศาลปกครองกลางเห็นว่า แม้โครงการดังกล่าวได้มีการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม แต่เป็นเพียงการจัดทำเพื่อเสนอให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำเสนอต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญฯ เพื่อทราบเท่านั้น จึงไม่อาจถือได้ว่า กรุงเทพมหานครได้จัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามนัยมาตรา 4 ของรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) 2557 ซึ่งบังคับใช้อยู่ในขณะนั้นได้ ประกอบกับแม้การทำสะพานยกสูงเหนือระดับน้ำท่วมสูงสุดเพื่อใช้เป็นทางสัญจรรองรับการเดินทางด้วยจักรยาน จะเป็นของทางราชการก็ตาม แต่การดำเนินการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนโดยเฉพาะ หาใช่ประโยชน์แก่ทางราชการแต่อย่างใด เจ้าท่าจึงไม่อาจอาศัยอำนาจอนุญาตให้ กรุงเทพมหานคร ปลูกสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำแม่น้ำ ตามใบอนุญาต เลขที่ 16/2561 ลงวันที่ 19 ต.ค. 2561 ได้ ผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 4 จึงไม่อาจดำเนินโครงการตามใบอนุญาตดังกล่าวได้เช่นกัน
ดังนั้น การดำเนินโครงการพัฒนาริมแม่น้ำเจ้าพระยา ของผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 4 เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงมีคำพิพากษาให้ระงับการก่อสร้างโครงการพัฒนาริมแม่น้ำเจ้าพระยาดังกล่าว จนกว่าจะได้มีการดำเนินการตามข้อ 7 วรรคหนึ่ง (7) และวรรคสอง ข้อ 11 และข้อ 12 ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ. 2548 และรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการดังกล่าว จะได้ดำเนินการตามที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมบัญญัติไว้โดยครบถ้วน รวมทั้งเจ้าท่ามีอำนาจอนุญาตและได้อนุญาตให้ก่อสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำแม่น้ำได้ ตามกฎหมายว่าด้วยการเดินเรือในน่ามน้ำไทย และอธิบดีกรมศิลปากรได้มีคำสั่งเป็นหนังสืออนุญาตให้ปลูกสร้างอาคารภายในบริเวณโบราณสถานตามกฎหมายว่าด้วยโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติในบริเวณโครงการพาดผ่าน
ทั้งนี้ สำหรับคำสั่งเกี่ยวกับคำขอวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษาที่ห้ามมิให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 4 ดำเนินการโครงการพัฒนาริมแม่น้ำเจ้าพระยา เพราะในส่วนของแผนงานที่ 1 คือ ทางเดินริมแม่น้ำเจ้าพระยาไว้ก่อนเป็นการชั่วคราวนั้น ให้ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าคดีจะถึงที่สุด หรือศาลมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น.