เมื่อวันที่ 13 มี.ค. ตามข้อสั่งการของ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่ง รักษาราชการแทน อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้สั่งการให้นายอนันต์ โพธิ์พันธุ์ ผู้อำนวยการ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 ดำเนินการสอดส่อง ไม่ให้ใครไปจุดไฟหรือเผาสิ่งใดใกล้ป่า เพราะจะทำให้เกิดความเสียหาย ต่อต้นไม้และสัตว์ป่า ทำให้ระบบนิเวศเสียหาย เกิดมลพิษฝุ่นละออง PM 2.5 รวมทั้งให้ดำเนินการ กับผู้กระทำผิดตามกฎหมาย อย่างเด็ดขาด 

ทั้งนี้ นายไชยวุฒิ อารีย์ชน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติ เขื่อนศรีนครินทร์ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี พร้อมด้วยนายอำพล ไหลยิ้ม พนักงานพิทักษ์ป่า นำกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจส่วนกลาง ประจำอุทยานฯเขื่อนศรีนครินทร์ และเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์อุทยานฯที่ ศร. 6 เขาเขียว-เขาวง ร่วมกันออกลาดตระเวนปราบปราม การกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้ และดูแลควบคุมไฟป่า โดยใช้รถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อ รวมทั้งเดินเท้าลาดตระเวนพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 

ขณะที่กำลังเจ้าหน้าที่ ลาดตระเวนมาถึงบริเวณพื้นที่ป่าห้วยเขาเขียว หมู่ 2 ต.เขาโจด อ.ศรีสวัสดิ์ พิกัดที่ 47 P 052-3562 E 164-9166 N พบไฟกำลังลุกไหม้ป่า เป็นบริเวณกว้าง ลักษณะเป็นไฟที่ลุกลาม ออกมาจากพื้นที่ทำการเกษตร จึงกระจายกำลังเข้าเร่งดับไฟ พร้อมตรวจสอบพื้นที่โดยรอบ พบนายศุภศิลป์ (สงวนนามสกุล) อายุ 37 ปีชาว ต.เขาโจด อ.ศรีสวัสดิ์ กำลังถือไฟแช็กแก๊สสีแดง จุดไฟเผาวัชพืชอยู่ในพื้นที่ ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่เกิดไฟไหม้ป่า ประมาณ 20 เมตร จึงทำการควบคุมตัว  

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้จับค่าพิกัด พื้นที่เสียหายจากไฟไหม้ป่า มีเนื้อที่ 2 ไร่ 2 งาน 16 ตารางวา จึงได้แจ้งให้นายศุภศิลป์ ทราบว่า ในเขตพื้นที่ป่าดังกล่าว เป็นป่าตามพระราชบัญญัติ ป่าไม้พุทธศักราช 2484 ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขาพระฤาษีและป่าเขาบ่อแร่ แปลงที่ 2 ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ 2507 และเป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เขื่อนศรีนครินทร์ ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ 2562 โดย นายศุภศิลป์ รับว่า เป็นคนจุดไฟเอง ในการจุดไฟเผาวัชพืชครั้งนี้ ไม่ได้แจ้งให้หน่วยงานใดทราบมาก่อน คณะพนักงานเจ้าหน้าที่ ได้รวบรวมหลักฐาน นำตัวนายศุภศิลป์ พร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ด่านแม่แฉลบ ดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งอาญา ทั้งผิดเงื่อนไขครอบครอง ต้องถูกยึดที่ทำกินคืนรัฐ

ด้าน นายอนันต์ โพธิ์พันธุ์ ผอ.สบอ.3(บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า ในปีนี้ ลักษณะอากาศจะแห้ง ทำให้เศษใบไม้ต่างๆแห้งกรอบ เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี เมื่อมีชาวบ้านไปเก็บหาของป่า และจุดไฟด้วยสาเหตุใดๆก็ตาม แล้วดับไม่สนิท จะเกิดไฟลุกลามขยายวงกว้าง จึงใคร่ขอให้ชาวบ้านที่อยู่ รอบๆแนวเขตป่าไม้ หรือป่าอนุรักษ์ ให้ช่วยกันสอดส่อง ไม่ให้ใครไปจุดไฟ หรือเผาสิ่งใดใกล้ป่า เพราะจะทำให้เกิดความเสียหาย ต่อต้นไม้และสัตว์ป่า ระบบนิเวศก็เสียหาย เกิดมลพิษฝุ่นละออง PM 2.5 รวมทั้งยังมีความผิดตามกฎหมาย ซึ่งมีอัตราโทษสูงอีกด้วย.