เมื่อวันที่ 17 มี.ค. นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯกทม. ติดตามการเคลื่อนย้ายซากยานยนต์ที่จอดทิ้งไว้บนถนนหรือสถานที่สาธารณะ บริเวณซอยสรณคมน์ 25 เขตดอนเมือง ซึ่งสำนักงานเขตได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ ประกอบกับการลงพื้นที่สำรวจความเป็นระเบียบเรียบร้อย พบว่ามีซากยานยนต์จอดทิ้งไว้บริเวณดังกล่าว จำนวน 1 คัน โดยได้ประสานทางสถานีตำรวจนครบาลท้องที่ เพื่อตรวจสอบซากยานยนต์ว่าอยู่ระหว่างการพิสูจน์ทางคดีหรือไม่ พร้อมทั้งปิดประกาศให้เคลื่อนย้ายซากยานยนต์ออกจากพื้นที่แล้วเป็นเวลา 15 วัน แต่ยังไม่มีผู้ใดมาทำการเคลื่อนย้าย ซึ่งจากการตรวจสอบไม่พบเจ้าของซากยานยนต์ดังกล่าว

โดยวันนี้เขตร่วมกับสำนักเทศกิจ สถานีตำรวจนครบาลดอนเมือง และกองโรงงานช่างกล สำนักการคลัง ซึ่งให้การสนับสนุนรถสไลด์ในการเคลื่อนย้ายซากยานยนต์ เพื่อนำไปเก็บไว้บริเวณสถานที่เก็บรักษาของกลางโรงงานกำจัดมูลฝอย เขตหนองแขม โดยจะจัดเก็บซากยานยนต์ไว้เป็นระยะเวลา 6 เดือน หากไม่มีผู้ครอบครองมาติดต่อขอรับคืน จะดำเนินการขายทอดตลาดซากยานยนต์ตามระเบียบของทางราชการว่าด้วยการดำเนินคดีต่อไป
นายจักกพันธุ์ กล่าวว่า ขอบคุณทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องที่ร่วมมือกันดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยในพื้นที่สาธารณะ ที่สำคัญคือประชาชนในพื้นที่ หากพบเห็นซากยานยนต์ที่จอดทิ้งไว้บนถนนหรือพื้นที่สาธารณะเป็นเวลานาน ไม่มีเจ้าของมาเคลื่อนย้ายออกไป สามารถแจ้งฝ่ายเทศกิจ สำนักงานเขตในพื้นที่ เพื่อประสานสถานีตำรวจท้องที่ ดำเนินการตรวจสอบและเคลื่อนย้ายซากยานยนต์ เพื่อคืนช่องทางจราจรในการเดินรถ บรรเทาปัญหาการจราจรติดขัด รวมถึงความสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อยในพื้นที่

สำหรับผลการดำเนินงานจัดการซากยานยนต์ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่ปี 2562-2566 ที่ผ่านมา ตรวจพบซากยานยนต์ จำนวน 1,297 คัน เจ้าของเคลื่อนย้าย จำนวน 1,091 คัน สำนักงานเขตเคลื่อนย้าย จำนวน 159 คัน ดำเนินคดี (ปรับ) จำนวน 28 คัน ขายทอดตลาด จำนวน 11 คัน
ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นการจอดทิ้งซากยานยนต์บนถนนหรือสถานที่สาธารณะ สามารถแจ้งข้อมูลได้ทาง Application Traffy Fondue หรือฝ่ายเทศกิจสำนักงานเขตในพื้นที่ เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยในพื้นที่สาธารณะ ตามพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 มาตรา 18 ที่กำหนดห้ามมิให้ผู้ใดทิ้ง วาง หรือกองซากยานยนต์บนถนนหรือสถานที่สาธารณะ โดยบทกำหนดโทษ ตามมาตรา 56 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท.
