ขณะที่ ในการเลือกตั้งใหญ่ปี 2566 เป็นสนามที่มีความท้าทายอย่างมากและเป็นตัววัดฝีมือของพรรคเก่าแก่แห่งนี้ “ทีมการเมืองเดลินิวส์” จึงถือโอกาสมาสนทนากับ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถึงแนวทางการนำทัพสู้ศึกใหญ่ไปสู่เป้าหมายในการก้าวขึ้นเป็นผู้บริหารประเทศ
แม่ทัพใหญ่แห่งค่ายสีฟ้า เริ่มบอกเล่าถึงการเข้าร่วมรัฐบาล ที่นำโดย “พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี ว่า ประชาธิปัตย์ ไม่มีปัญหา เราเข้าใจบทบาทของการเป็นรัฐบาลผสม และในการเข้าร่วมรัฐบาล เรามีเงื่อนไข 3 ข้อ อย่างได้รับทราบกัน คือ 1.ต้องรับนโยบายของเราเรื่อง การประกันรายได้เกษตรกร ให้อยู่ในนโยบายรัฐบาล 2.ต้องมีการ แก้ไขรัฐธรรมนูญ ไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น 3.รัฐบาลต้องบริหารราชการแผ่นดินด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งตลอดเวลากว่า 4 ปีที่ผ่านมา ทุกอย่างเดินหน้าไปได้ และเราทำหน้าที่พรรคร่วมรัฐบาลในสภาผู้แทนราษฎร ในรัฐสภาอย่างเต็มที่ จึงถือว่าได้สร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ ทั้งในการบริหารราชการแผ่นดินและในฝ่ายนิติบัญญัติ

@ เมื่อเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง เกิดกรณี ส.ส. ย้ายพรรค และมีบางพรรคตกปลาในบ่อเพื่อน
ถ้าคนที่คิดตั้งพรรคการเมือง ไปตกปลาในบ่อเพื่อน ก็ยากที่พรรคนั้นจะเป็นสถาบันทางการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ เป็นตัวอย่างของ สถาบันทางการเมือง ที่มีความยั่งยืน เรากำลังจะมีอายุครบ 77 ปี การที่เราเป็นสถาบันทางการเมืองได้ เพราะสร้างคนคุณภาพ สร้างนักการเมืองที่มีศักยภาพเข้าสู่การเมืองอย่างต่อเนื่อง แต่ถ้าเราตกปลาในบ่อเพื่อน แล้วเราจะสถาบันทางการเมืองได้อย่างไร เพราะจะกลายเป็นพรรคเฉพาะกิจ และถ้าประชาชนเลือกพรรคเฉพาะกิจ ก็จะได้อนาคตเฉพาะกิจ ซึ่งสิ่งที่ผมพูดนี้ ไม่ได้หมายถึงใคร แต่พูดถึงหลักการโดยทั่วไป
@ ปชป. วางยุทธศาสตร์สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างไร
เราเตรียมไว้ 3-4 เรื่องอย่างสมบูรณ์แบบ คือ 1.การวางตัว ผู้สมัคร 2.ระบบบริหารจัดการภายในพรรค เรามี “นิพนธ์ บุญญามณี” เป็น ผอ.การเลือกตั้ง เป็นตัวหลัก 3.นโยบาย ที่เรามีเป็นร้อยนโยบายอยู่ในกรอบยุทธศาสตร์ “สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ” เพื่อนำประเทศไปสู่อนาคตที่ดี โดยเรื่อง การสร้างเงิน เราถือว่าเศรษฐกิจมีความสำคัญไม่แพ้การเมือง ส่วน การสร้างคน คือ ดีเอ็นเอของ ปชป. ที่ให้ความสำคัญกับการศึกษา การสาธารณสุข และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สำหรับ การสร้างชาติ ต้องสร้างด้วยอุดมการณ์ที่เรามั่นใจว่า เป็นสิ่งที่ประชาชนยึดมั่นร่วมกับเราขับเคลื่อนประเทศได้

@ ปชป. หวังว่าจะได้เสียง ส.ส. เท่าไหร่จึงจะได้เป็นแกนนำรัฐบาล
ต้องได้ ส.ส. มากกว่าเดิม แต่จะมากขนาดไหนนั้น มันไม่แน่นอน เพราะเที่ยวนี้ แต่ละพรรคเกือบจะเรียกได้ว่าพอๆ กัน ปชป. อาจได้กลายเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยคนที่จะเป็นรัฐบาลในระบบรัฐสภา มีทั้งกรณีของพรรคที่มี ส.ส. ได้รับเลือกตั้งเข้ามากที่สุดพรรคเดียว และมีกรณีพรรคที่สามารถรวมเสียง ส.ส. จากพรรคอื่นมาได้มากพอเป็นเสียงข้างมากในสภา ก็จะเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล จึงอยู่ที่การรวมเสียง ส.ส. ซึ่งในอนาคต ปชป. อาจสามารถรวมเสียงข้างมากก็ได้
@ การไม่ได้ ส.ส. ใน กทม. เลยรอบที่แล้ว ทำให้ ปชป. ได้เรียนรู้อะไรบ้าง
สถานการณ์ครั้งที่แล้วต่างจากครั้งนี้ ครั้งที่แล้วมีความขัดแย้งรุนแรงมาก มีแบ่งว่า “เอาหรือไม่เอาทักษิณ” หรือ “เอาหรือไม่เอาตู่” ให้เลือก 2 ขั้ว ส่วนเที่ยวนี้การเมืองกำลังเดินเข้าสู่วิถีประชาธิปไตยตามปกติ ที่เป็นการแข่งขันกันระหว่างหลายพรรคการเมือง ผมจึงอยากเห็นสิ่งนี้เกิดขึ้น เพื่อจะก้าวข้ามความขัดแย้งได้หลังจบการเลือกตั้ง
@ มีหลายพรรคลงแข่งขันในภาคใต้ที่เป็นฐานเสียงใหญ่ของ ปชป. คิดว่าอะไรที่ทำให้คนใต้ยังต้องไว้วางใจ ปชป.
ปชป. เป็นตัวยืนในภาคใต้มาหลายสมัย มีคู่แข่งหมุนเวียนเข้ามา ไม่ได้หมายความว่าเราเก่ง แต่หมายความว่าเรามีความยั่งยืน มีคนในภาคใต้จำนวนไม่น้อยที่ยังรู้สึกว่าเขามีจิตวิญญาณของ ความเป็นประชาธิปัตย์ ปชป. คือพรรคของเรา คือคนของเรา เขาเห็น ปชป. ยืนหยัดอยู่กับคนภาคใต้มาตั้งแต่ปี 2489 เราทำงานให้กับคนภาคใต้เยอะมาก เหมือนกับที่ทำให้คนทุกภาค แม้ครั้งที่แล้ว เราได้ ส.ส.ภาคใต้ 22 ที่นั่ง แต่ถือว่า ปชป. เป็นที่ 1 ในภาคใต้ สำหรับครั้งที่จะถึงนี้ เราเชื่อมั่นว่าจะได้ ส.ส. ในภาคใต้เยอะ แต่ยังไม่อยากบอกว่าจะได้เยอะเท่าไหร่

@ ปชป. มีภาพความเป็นอนุรักษนิยม จะเชื่อมโยงกับคนรุ่นใหม่ได้อย่างไร
ปชป. เป็นพรรคของคนทุกรุ่น มีผู้อาวุโสที่มีประสบการณ์ และเป็นหางเสือถือทิศทางให้ เรือประชาธิปัตย์ แล่นไป เรายังมี คนรุ่นกลาง อยู่หลายคน และมี คนรุ่นใหม่ ที่เข้ามาต่อเนื่อง มาเป็นอนาคตของพรรค “ประชาธิปัตย์” เป็นพรรคการเมืองไม่กี่พรรค ที่มีอดีต มีปัจจุบัน และมีอนาคต อาจมีบางพรรคที่มีปัจจุบันแต่ไม่รู้ว่าจะมีอนาคตหรือไม่ บางพรรคอาจมีปัจจุบัน แต่ไม่มีอดีต นี่คือข้อเด่นและเป็นความต่างของเรากับหลายพรรค และยังมีคนรุ่นใหม่จำนวนมาก ที่สนับสนุนเรา มิฉะนั้น “ยุวประชาธิปัตย์” คงเกิดไม่ได้จากรุ่นสู่รุ่น
@ จุดยืนทางการเมืองของ ปชป. หลังจบการเลือกตั้ง คืออะไร
คือ การให้ประชาชนเป็นคนแรกที่ให้คำตอบ ว่าจะให้คะแนนเสียงแต่ละพรรคเท่าไหร่ เพราะระบอบประชาธิปไตย เราต้องเคารพเสียงของประชาชน จากนั้นใครรวมเสียงข้างมากได้ ก็ไปเป็นรัฐบาล ใครมีเสียงข้างน้อยก็เป็นฝ่ายค้าน
@ ปชป. ไม่มีปัญหาในการร่วมกับพรรคใดใช่หรือไม่
ผมไม่ขอตอบเรื่องนี้ ให้เป็นเรื่องของมติพรรคที่จะเกิดขึ้น หลังจากประชาชนให้คำตอบทุกพรรคแล้ว โดยมติพรรคจะมาจากการพิจารณาร่วมกันของคณะกรรมการบริหารพรรค ส.ส. และผู้ที่ที่เกี่ยวข้อง
@ อะไรคือจุดขายของ ปชป. ในการเลือกตั้งครั้งนี้
ปชป. ขายอุดมการณ์ ขายตัวบุคคลและทีม ขายนโยบาย และขายผลงาน โดยอุดมการณ์ คือ 1.อุดมการณ์ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 2.อุดมการณ์ประชาธิปไตยสุจริต และ 3.อุดมการณ์ประชาธิปไตยท้องอิ่ม เพราะประชาชนต้องท้องอิ่มด้วย จึงจะทำให้ประชาธิปไตยเดินหน้า ดังนั้นจำเป็นที่ต้องเดินหน้าเรื่องการเมืองและเศรษฐกิจไปพร้อมกัน

@ ถ้ามี 1 เรื่องที่ ปชป. อยากสื่อสารกับประชาชน เรื่องนั้นคืออะไร
เราหวังว่าคนไทยทั้งประเทศจะสนับสนุนการเมืองที่สะอาด การเมืองสุจริต เพื่อทำให้ประเทศเติบโต เพราะการทุจริตจะบั่นทอนประเทศและประชาธิปไตย
@ เช้าวันใหม่ในวัน ที่ประเทศไทยมีนายกฯ ชื่อ “จุรินทร์” จะเป็นอย่างไร
จะได้อนาคตที่ดีกว่า ผมมั่นใจในทุกด้าน มั่นใจในอุดมการณ์ มั่นใจในความซื่อสัตย์สุจริต และมั่นใจในความเป็น “นายจุรินทร์” ที่สั่งสมทุกอย่างมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทั้งภูมิความรู้ด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ทั้งประสบการณ์จากการเป็น ส.ส. 11 สมัย จากการเป็นรัฐมนตรีมาหลายกระทรวง ชีวิตของผมอุทิศให้กับการทำงานการเมือง เพราะหวังว่าวันหนึ่ง ผมจะมีโอกาส ถ้าประชาชนจะให้โอกาสผม นำพาประเทศไปสู่อนาคตที่ดี

@ วันนี้ยังยืนยันเหมือนเมื่อปี 2562 หรือไม่ว่า ประชาธิปไตยวิปริต เพราะ ส.ว. ร่วมเลือกนายกฯ
ผมยืนยัน รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 เป็นประชาธิปไตยวิปริต เพราะไม่ใช่หลักการตามระบอบประชาธิปไตยที่ควรจะเป็น เราจึงพยายามแก้ไขให้รัฐธรรมนูญมีความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น แม้ผมเห็นด้วยกับการมี วุฒิสภา คู่กับ สภาผู้แทนฯ แต่ ส.ว. ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งจากประชาชน จึงควรมีเฉพาะอำนาจ กลั่นกรองกฎหมาย และ การควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน แต่ ไม่ใช่เลือกนายกฯ ดังนั้นเราเห็นด้วยหากจะแก้ไขรัฐธรรมนูญตัดอำนาจ ส.ว. ไม่ให้เลือกนายกฯ
@ กังวลหรือไม่ว่าจะทำให้ ส.ว. ไม่โหวตให้คุณจุรินทร์เป็นนายกฯ
ผมไม่ได้ดูผลประโยชน์ของตัวเอง แต่ดูหลักการประชาธิปไตย คนที่จะมาเป็นนายกฯ อย่างน้อยต้องได้เสียงข้างมากในที่ประชุมรัฐสภา และต้องได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนฯ มิฉะนั้นจะกลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย บริหารประเทศไม่ได้