“โค้ชดาท” ธงชัย รุ่งเรืองเลิศ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทัพ “ม้าคะนองศึก” แพร่ ยูไนเต็ด ในไทยลีก 2 บุกแคมป์ทีมฟุตบอลทีมชาติกัมพูชา ชุดซีเกมส์ ครั้งที่ 32 พร้อมชี้ว่า เป็นทีมที่น่ากลัวในซีเกมส์หนนี้ จากการเป็นเจ้าภาพ และเตรียมทีมมานาน
กุนซือดาวรุ่งไทย ที่เคยเดินทางไปคุมสโมสรในกัมพูชา “ไปรเวง เอฟซี” ก่อนจะกลับมาไทย ปัจจุบันคุมทีม แพร่ ยูไนเต็ด ล่าสุดเจ้าตัวไปเยี่ยมลูกศิษย์เก่าในทีมชาติกัมพูชา ชุดเตรียมแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่มาซ้อมที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่ง โค้ชดาร์ท แสดงความยินดีที่อดีตลูกศิษย์สมัยที่คุมทัพ “ไปรเวง เอฟซี” ติดทีมชาติกัมพูชา ชุดนี้ถึง 7 คน โดย 6 คนย้ายไปร่วมทีมใหญ่อย่าง “วิสาขา” แล้ว ถือเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจสำหรับตนเอง หวังว่าในอนาคตจะได้เห็นเด็กๆ เหล่านี้ในศึกไทยลีก นอกจากนี้ โค้ชดาร์ท ยังได้พูดคุยกับ เคสึเกะ ฮอนดะ กุนซือทีมชาติกัมพูชา หนึ่งในตำนานแข้งทีมชาติญี่ปุ่นเป็นการส่วนตัว ทั้งนี้ โค้ชดาท กล่าวว่า หลังจากไปคุมไปรเวง ตนกลับมาทำงานที่ไทย ก็สัญญากับเด็ก ๆ ไว้ว่า ถ้ามาไทยจะไปเยี่ยม เมื่อมีโอกาสจึงเดินทางไปหา

“กีฬาเดลินิวส์” ถามความเห็นถึงโอกาสของทีมฟุตบอลทีมชาติกัมพูชา ในซีเกมส์หนนี้ ว่าจะไปได้ไกลหรือไม่ โค้ชดาท กล่าวว่า แน่นอนว่า กัมพูชา เมื่อเป็นเจ้าภาพแล้ว ต้องหวังผลงานที่ดี เชื่อว่าเผลอๆจะมองถึงการคว้าเหรียญทองประวัติศาสตร์ ส่วนศักยภาพนักเตะกัมพูชานั้น ในเรื่องเทคนิคเทียบกับไทยแล้ว ไทยยังดีกว่า แต่จุดแข็งของกัมพูชา จากที่ตนสัมผัสมา คือความมุ่งมั่น ใจสู้ ยิ่งเล่นในบ้าน วิ่งถวายชีวิตแน่นอน กัมพูชาคาดหวังกับซีเกมส์ไว้สูง ชาวกัมพูชาสนใจมาก โดยเฉพาะฟุตบอล คนแน่นทุกแมตช์แน่ถ้าเจ้าภาพเตะ บอลลีกทั้งลีก 1, ลีก 2 คนเต็มสนามตลอด ถือเป็นกีฬายอดนิยม และเป็นอีกจุดแข็งของกัมพูชา

“ผมเชื่อว่าเขาต้องการถึงเหรียญทองแน่ เท่าที่ดูระบบของกัมพูชาดีขึ้น เพราะเตรียมทีมมาเรื่อย ๆ ชุดนี้ติดทีมชาติพร้อม ๆ กันมานาน ตั้งแต่ชุดอายุไม่เกิน 19 ปี เตรียมระยะยาว มุ่งเป้าซีเกมส์ ถือเป็นทีมที่น่าจับตา” โค้ชดาท กล่าว
“โค้ชดาท” ยังเผยถึงอนาคต หลังจากกลับมารับงานชั่วคราว ให้กับ “แพร่ ยูไนเต็ด” อีกครั้ง หลังจากเดินทางไปศึกษาด้านศาสตร์ฟุตบอลที่ต่างประเทศ โดยขอบคุณผู้บริหารทีมที่ให้โอกาสมาคุมทีมอีกครั้ง เพราะยังคิดถึงบรรยากาศการคุมทีมข้างสนาม และจะพยายามพาทีมเข้ารอบเพลย์ออฟให้ได้ แม้ว่าอาจจะไม่ได้คุมทีมจนจบฤดูกาล เนื่องจากต้องเดินทางไปศึกษาดูงานกับสโมสรในประเทศออสเตรีย และเยอรมนี เพื่อนำความรู้ทั้งหมดมาช่วยพัฒนาศักยภาพนักเตะไทยต่อไป.