เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ที่อาคาร Jewely Trade Center ถนนสีลม พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดยนายปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่ปรึกษาคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรค และกรรมการ เลขานุการ และโฆษกคณะกรรมการฯ นายดนุพร ปุณณกันต์ ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง กทม. นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ กรรมการด้านเศรษฐกิจ นายนิกร ซัจเดว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายวิพุธ ศรีวะอุไร ส.ก.เขตบางรัก พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ได้แก่ น.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ นายอรรฆรัตน์ นิติพน นายนวธันย์ ธวัชวงศ์เดชากุล นายศิลปวิชญ์ น้อยสมมิตร เข้าพบปะหารือผู้ประกอบการอัญมณี สมาพันธ์อัญมณี เครื่องประดับ และโลหะมีค่า (ประเทศไทย)

นายสมชาย พรจินดารักษ์ ประธานสมาพันธ์อัญมณี เครื่องประดับ และโลหะมีค่า (ประเทศไทย) กล่าวว่า เศรษฐกิจของประเทศไทยอยู่ได้ด้วยการส่งออก คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 60-70% สำหรับสินค้ากลุ่มอัญมณีสร้างรายได้เข้าประเทศนับแสนล้านบาท สร้างการจ้างงานนับล้านตำแหน่ง แต่ช่วง 9 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงเวลาที่ทรมานผู้ประกอบการอัญมณีเป็นอย่างมาก เนื่องจากได้นำเสนอทางออก ข้อเสนอแนะ แต่รัฐบาลไม่รับฟัง เพราะไม่มีการกระจายอำนาจ การตัดสินใจรวมศูนย์ที่คนเดียว

หากพรรค พท. ได้เป็นรัฐบาล อยากเสนอให้ผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีของโลก ซึ่งไทยมีศักยภาพหากได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมอย่างดีเพียงพอ นอกจากนี้สมาพันธ์อัญมณีฯ เคยเสนอรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ลดภาษีนำเข้าอัญมณี 20% เพื่อให้ผู้ประกอบการมียอดขายที่เพิ่มขึ้น ซึ่งในขณะนั้น สร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการธุรกิจอัญมณีในประเทศได้เป็นอย่างมาก ส่งผลให้แรงงานฝีมือมีรายได้ที่มากขึ้นด้วย

“ความหวังของผู้ประกอบการ การเลือกตั้งครั้งนี้ต้องเปลี่ยนประเทศไทย เป็นโอกาสของภาคประชาชนที่จะได้รู้ว่า ปากกามีราคาอย่างไร ผมมั่นใจหากเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจ การค้า จากหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะผู้นำจะนำพาผู้ประกอบการแต่ละกลุ่มไปโรดโชว์ต่างประเทศพร้อมกัน ผมอยากเห็นผู้นำที่สร้างความเชื่อมั่นในระดับโลก อยากให้ดูรัฐบาลในอดีตที่ผ่านมา ยืนยันทุกรัฐบาล ทั้งรัฐบาลนายทักษิณ รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ รับฟังเรา วันนี้เราถูกบีบจนหายใจไม่ออก” นายสมชาย กล่าว

ส่วนนายชมพล พรจินดารักษ์ อุปนายกสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ กล่าวว่า ขอเสนอแนวทางการสนับสนุนอุตสาหกรรมอัญมณีไทย หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ได้แก่ 1.รัฐอย่าขัดขวางผู้ประกอบการ กฎระเบียบ ต้องสนับสนุนผู้ประกอบการ เพราะขณะนี้ ผู้ประกอบการได้สร้างความแข็งแกร่งด้วยตัวเอง 2.รัฐอย่าเป็นคู่แข่งของเอกชน เนื่องจากที่ผ่านมา ในการจัดแสดงสินค้าต่างๆ รัฐเป็นผู้จัดงานแบบไม่มีความรู้ความเข้าใจ เช่น จัดงานในลักษณะ Business to Business (B2B) แต่นำนักเรียน นักศึกษา มาดูงาน ซึ่งไม่ตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการ ไม่สามารถสร้างยอดซื้อ และยังเป็นการนำภาษีมาใช้โดยเปล่าประโยชน์

“ที่ผ่านมาเอสเอ็มอีของไทยขาดโอกาส เพราะหลายธุรกิจถูกผูกขาดโดยรายใหญ่ มีปัญหาด้านสังคมในแวดวงราชการ จากปัญหาเชิงวัฒนธรรมของผู้ที่ถืออำนาจในช่วง 8-9 ปีที่ผ่านมา ที่สร้างปัญหาให้กับประชาชน แต่ในวันนี้ดีใจที่พรรคเพื่อไทย ได้นำเสนอนโยบายหลายด้าน อย่างรถไฟความเร็วสูง ซึ่งเสียดายโครงการ 2 ล้านล้านบาท ในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นอย่างมาก ดีใจที่หากเพื่อไทยเป็นรัฐบาล จะนำกลับมาอีกครั้ง คำพูดที่ว่า เวลามีค่า หลายคนคงได้รับรู้แล้วในวันนี้” นายชมพล กล่าว

ส่วน น.ส.ศิริอาภา พรจินดารักษ์ รองประธานสมาพันธ์อัญมณี เครื่องประดับ และโลหะมีค่า (ประเทศไทย) กล่าวว่า หากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบสล อยากผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการส่งออกอัญมณีของโลก ซึ่งสมาพันธ์อัญมณีฯ พยายามผลักดันมานาน แต่ไม่ได้รับการสนับสนุนเต็มที่จากรัฐบาล เพราะการงานแฟร์ด้านอัญมณี หรือด้านอื่นๆ ได้ประโยชน์หลายภาคส่วน ทั้งในด้านการท่องเที่ยว การบริการ ซึ่งไทยมีจุดเด่นในเรื่องค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า การบริการดีกว่า เมื่อเทียบกับต่างประเทศ แต่รัฐบาลไม่เคยส่งเสริม

ขณะที่ นายปานปรีย์ กล่าวว่า สินค้าสำคัญของไทยเป็นสินค้าที่สร้างชื่อเสียง สร้างหน้าตาให้กับคนไทยเป็นอย่างมาก เวลานี้โลกเปลี่ยนแปลงไปมาก ผู้ซื้อนิยมมาซื้ออัญมณีในไทยมากขึ้น หากจีนและอินเดียเติบโต จะทำให้อาเซียนเติบโตตามไปด้วย อยากให้ภาคเอกชนร่วมกันทำงาน หากเพื่อไทยชนะเลือกตั้งได้จัดตั้งรัฐบาล พร้อมเข้าไปสนับสนุนเต็มที่ ทั้งอุตสาหกรรมอัญมณี และคนทำงานทุกด้าน รวมทั้งช่างฝีมือที่ยังรายได้น้อย อยากให้มีรายได้เพิ่มขึ้น จะเป็นการสร้างโอกาสให้ประชาชนมากขึ้น

ในปัจจุบันเอสเอ็มอีมีปัญหาในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เนื่องจากไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หากสมาพันธ์อัญมณีฯ สามารถออกใบรับรองเอสเอ็มอี ในลักษณะเป็นกลุ่ม จะช่วยให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุน และสามารถเพิ่มศักยภาพในการเข้าสู่ตลาดในประเทศและตลาดโลกได้ ส่วนด้านการส่งออก รัฐบาลมีความสำคัญอย่างมากในการจัดหาตลาด เพื่อแนะนำศักยภาพของอัญมณีไทย

ทางด้านนางพวงเพ็ชร กล่าวว่า ทีมงานของพรรค พท. มีนโยบายแบ่งการทำงานหลายคณะ 15 คณะ ดูเรื่องที่แตกต่างกัน ทั้งเอสเอ็มอี ซอฟพาวเวอร์ นโยบายของเราเอสเอ็มอีของไทย ต้องได้รับการแก้ไขโดยเฉพาะการดูแลจากภาครัฐ และกฎหมายต่างๆ ที่ต้องดูแล เป็นฝ่ายค้านมานาน 8 ปี เราอยากแก้ไขจริงๆ อยากให้เชื่อมั่นว่าภายใต้รัฐบาลพรรค พท. จะช่วยแก้ไขปัญหาให้กับผู้ประกอบการได้ เราเข้าใจประชาชนมากกว่ารัฐบาลทหาร อยากให้มอบความมั่นใจให้พรรค พท.

นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า แนวทางของพรรคเพื่อไทยในการส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ หรือ A new chapter of thailand มี 5 ด้าน ได้แก่ 1. A new chapter of Thailand of Investment ไทยจะกลายเป็นประเทศเปิดเชื่อมโลก ผ่านการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ที่จะเป็นกลไกหลักขับเคลื่อนประเทศ ประเทศไทยจะกลายเป็น FDI intensive country ในบริบทใหม่ที่ต่างจากเดิม ด้วยการเปิดโอกาสให้กับเอสเอ็มอี ทั้งต้นทุน การจ้างงาน กฎหมายและการเข้าถึงแหล่งสินเชื่อ โดยเฉพาะการเข้าถึงสินเชื่อของเอสเอ็มอี ผ่านการค้ำประกันสินเชื่อภาครัฐ รวมถึงการดูแลค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ จะมีการเปิดเขตธุรกิจใหม่นำร่อง 4 แห่ง ได้แก่ กทม. ขอนแก่น หาดใหญ่ เชียงใหม่ ซึ่งจะเป็นการยกเว้นมีสิทธิประโยชน์ด้านภาษีรายได้ และภาษีนิติบุคคล 2. A new chapter of Thailand of Digital economy ระบบการชำระเงินรูปแบบใหม่ 3. A new chapter of Thailand of Logistic ทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการบินด้วยโมเดล Multi Airport หลายสนามบินต้องทำงานร่วมกัน การใช้บริการสนามบินต้องไม่กระจุกตัวที่สนามบินสุวรรณภูมิแห่งเดียว รถไฟความเร็วสูง เชื่อมเขตธุรกิจใหม่ผ่านทางรถไฟเชื่อมต่อลาว เชื่อมท่าเรือแหลมฉบัง เป็นต้น

4. A new chapter of Thailand of Education เชื่อม 3 ฝ่ายทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคการศึกษา เข้าด้วยกัน เอกชนจะมีส่วนร่วมในการกำหนดหลักสูตรมากขึ้น โดยเรามีแนวคิดสนับสนุนการออกใบรับรองความเชี่ยวชาญที่มีมาตรฐาน (Certificate) แทนใบปริญญา เพื่อให้ได้ต่าตอบแทนที่สูงขึ้น 5. A new chapter of Thailand of Tourism เรามองตลาดใหม่ๆ อย่างนักท่องเที่ยวอินเดีย ดึงดูดเข้ามาในประเทศ และจะให้ความสำคัญกับการจัดมหกรรมระดับโลก ทั้งนำมหกรรมต่างประเทศมาจัดในไทย และเทศกาลในไทย ให้มีความเป็นสากลมากขึ้น

ส่วนนายดนุพร กล่าวว่า พรรค พท. จะนำโครงการ “กรุงเทพเมืองแฟชั่น” เพื่อยกระดับกรุงเทพมหานคร ให้เป็นจุดหมายปลายทางของแฟชั่นหลากหลายสาขา ทั้ง เสื้อผ้า อัญมณี เครื่องประดับ ฯลฯ เราจะศึกษาความเป็นไปได้ในการลดภาษีสินค้าแบรนด์เนมในไทย เพื่อแย่งชิงตลาดการท่องเที่ยวกลุ่มชอปปิงจากเมืองท่องเที่ยวยอดนิยม เช่น ฮ่องกง จากเดิมที่ประเทศไทยเป็นประเทศแห่ง Sea Sand Sun จะเพิ่มเรื่องการจับจ่ายซื้อสินค้ามากขึ้น จะเป็นการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวกลับมาให้ได้ เทียบเท่าก่อนช่วงการระบาดของโควิด-19 นอกจากนี้ การลดภาษีบางรายการ จะทำให้เงินใต้โต๊ะหายไปด้วย

ภายหลังการหารือ พบปะ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกัน ผู้แทนจากสมาพันธ์อัญมณีฯ พร้อมคณะของพรรคเพื่อไทย ได้เยี่ยมชมร้านค้าจำหน่ายอัญมณีภายในอาคาร Jewely Trade Center ด้วย.