สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ เมื่อวันที่ 3 เม.ย. ว่า ผลอย่างไม่เป็นทางการของการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฟินแลนด์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเลือกตั้งสมาชิกชุดใหม่ทั้ง 200 ที่นั่ง ปรากฏว่า พรรคแนวร่วมแห่งชาติ (เอ็นซีพี) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายขวาและเป็นมิตรกับภาคธุรกิจ ได้รับการเลือกตั้งเข้ามามากที่สุด 48 ที่นั่ง คิดเป็น 20.8% เพิ่มขึ้น 10 ที่นั่ง จากการเลือกตั้้งเมื่อปี 2562

ตามด้วยพรรคฟินส์ซึ่งเป็นพรรคประชานิยมฝ่ายขวา ได้รับการเลือกตั้ง 46 ที่นั่ง คิดเป็น 20.1% เพิ่มขึ้น 7 ที่นั่ง จากการเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ขณะที่พรรคสังคมประชาธิปไตยฟินแลนด์ (เอสดีพี) ซึ่งเป็นพรรคสายกลาง-ซ้าย ของนายกรัฐมนตรีซานนา มาริน ผู้นำคนปัจจุบัน ได้รับการเลือกตั้ง 43 ที่นั่ง คิดเป็น 19.9% ถือเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้น 3 ที่นั่ง จากการเลือกตั้งเมื่อปี 2562

นายเพตเตอรี ออร์โป หัวหน้าพรรคแนวร่วมแห่งชาติ (เอ็นซีพี)

นายเพตเตอรี ออร์โป หัวหน้าพรรคเอ็นซีพี กล่าวว่า ประชาชน “มอบความชอบธรรม” ให้กับพรรค ในการ “ซ่อมแซมฟินแลนด์” โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ควบคุมการใช้จ่ายของภาครัฐ เพื่อยับยั้งการพุ่งขึ้นของหนี้สาธารณะ ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนมีสัดส่วนมากกว่า 70% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) นับตั้งแต่มารินขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2562 และการจัดการสมดุลด้านพลังงานและความมั่นคงของฟินแลนด์ ท่ามกลางวิกฤติการณ์ในยูเครน

ด้านมาริน วัย 37 ปี แถลงแสดงความยินดีกับผู้ชนะ ทั้งนี้ มีการวิเคราะห์ว่า ผู้นำหญิงคนปัจจุบันของฟินแลนด์เป็นที่นิยม และมีภาพลักษณ์เชิงบวกในสายตาประชาคมโลก จากการเป็นผู้นำสายก้าวหน้า อย่างไรก็ตาม เธอเผชิญกับเสียงวิจารณ์อย่างหนักภายในประเทศ ทั้งในเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว.

เครดิตภาพ : REUTERS