สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 4 เม.ย. ว่า นางมาเรีย อเล็กเซเยฟนา ลโววา-บีโลวา กรรมาธิการด้านสิทธิเด็กประจำทำเนียบเครมลิน แถลงเมื่อวันอังคาร ว่า การที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ไอซีซี) ออกหมายจับต่อประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย และตัวเธอ ในข้อหา “ก่ออาชญากรรมสงคราม” ผ่านการ “บังคับให้เกิดการเนรเทศ” กับเด็กชาวยูเครน ซึ่งอาศัยอยู่ในเขตที่อยู่ภายใต้การยึดครองของรัสเซีย ว่าข้อกล่าวหาของไอซีซี “คลุมเครือและไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง”


ทั้งนี้ ลโววา-บีโลวา ยืนยันว่า การดำเนินงานของรัฐบาลมอสโก เป็นไปตามการให้ความอนุญาตของผู้ปกครอง และให้ความคุ้มครองแก่ผลประโยชน์ รวมถึงสิทธิของเด็กทุกคน “ในระดับสูงสุด” โดยนับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากปฏิบัติการทางทหารในยูเครน เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565 รัสเซียให้ความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชาวยูเครนมากกว่า 5 ล้านคน จากจำนวนดังกล่าวราว 730,000 คน เป็นเด็ก

ขณะเดียวกัน กระบวนการทั้งหมดเป็นไปตามการประสานขอความช่วยเหลือจากคณะทำงานที่เกี่ยวข้อง ในเขตโดเนตสก์และเขตลูฮันสก์ ทางตะวันออกของยูเครน และผนวกรวมพื้นที่เข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย เมื่อเดือน ก.ย. ปีที่แล้ว


นอกจากนี้ ลโววา-บีโลวา กล่าวอีกว่า จนถึงปัจจุบัน รัสเซียยังไม่ได้รับเอกสารอย่างเป็นทางการจากไอซีซี เกี่ยวกับการฟ้องร้องดำเนินคดี และการออกหมายจับต่อปูตินและตัวเธอ


ด้านทำเนียบเครมลิน ยังไม่มีความเห็นอย่างเป็นทางการเพิ่มเติม ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียเคยให้ความเห็นว่า การดำเนินการของไอซีซีต่อปูตินและลโววา-บีโลวา “ไม่มีความหมายในทางใดทั้งสิ้น” เนื่องจากรัสเซียไม่ได้เป็น 1 ใน 123 ประเทศ ซึ่งร่วมเป็นภาคีของธรรมนูญกรุงโรม ที่เป็นสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ในการก่อตั้งไอซีซี นอกจากนั้น ไอซีซี “เพิกเฉย” ต่อการก่อความรุนแรงระดับโลก หนึ่งในนั้นคือ การที่สหรัฐเข้าไปปฏิบัติการในอิรัก เพื่อโค่นอำนาจประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซน เมื่อปี 2546.

เครดิตภาพ : REUTERS