สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 4 เม.ย. ว่า นางมาเรีย อเล็กเซเยฟนา ลโววา-บีโลวา กรรมาธิการด้านสิทธิเด็กประจำทำเนียบเครมลิน แถลงเมื่อวันอังคาร ว่า การที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ไอซีซี) ออกหมายจับต่อประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย และตัวเธอ ในข้อหา “ก่ออาชญากรรมสงคราม” ผ่านการ “บังคับให้เกิดการเนรเทศ” กับเด็กชาวยูเครน ซึ่งอาศัยอยู่ในเขตที่อยู่ภายใต้การยึดครองของรัสเซีย ว่าข้อกล่าวหาของไอซีซี “คลุมเครือและไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง”
ทั้งนี้ ลโววา-บีโลวา ยืนยันว่า การดำเนินงานของรัฐบาลมอสโก เป็นไปตามการให้ความอนุญาตของผู้ปกครอง และให้ความคุ้มครองแก่ผลประโยชน์ รวมถึงสิทธิของเด็กทุกคน “ในระดับสูงสุด” โดยนับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากปฏิบัติการทางทหารในยูเครน เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565 รัสเซียให้ความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชาวยูเครนมากกว่า 5 ล้านคน จากจำนวนดังกล่าวราว 730,000 คน เป็นเด็ก
Russia has accepted more than 5 million refugees from Ukraine since the beginning of the NWO – children's ombudsman Maria Lvova-Belova. https://t.co/HBZnELU4Cz pic.twitter.com/zw9TeMYmSb
— Victor vicktop55 (@vicktop55) April 4, 2023
ขณะเดียวกัน กระบวนการทั้งหมดเป็นไปตามการประสานขอความช่วยเหลือจากคณะทำงานที่เกี่ยวข้อง ในเขตโดเนตสก์และเขตลูฮันสก์ ทางตะวันออกของยูเครน และผนวกรวมพื้นที่เข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย เมื่อเดือน ก.ย. ปีที่แล้ว
#ICC President Judge Piotr Hofmański on recent arrest warrants against Vladimir Vladimirovich Putin and Maria Alekseyevna Lvova-Belova in the context of the situation in #Ukraine
— Int'l Criminal Court (@IntlCrimCourt) March 17, 2023
More info: https://t.co/5OMC7Xuuy5 pic.twitter.com/45bT4mHqIs
นอกจากนี้ ลโววา-บีโลวา กล่าวอีกว่า จนถึงปัจจุบัน รัสเซียยังไม่ได้รับเอกสารอย่างเป็นทางการจากไอซีซี เกี่ยวกับการฟ้องร้องดำเนินคดี และการออกหมายจับต่อปูตินและตัวเธอ
ด้านทำเนียบเครมลิน ยังไม่มีความเห็นอย่างเป็นทางการเพิ่มเติม ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียเคยให้ความเห็นว่า การดำเนินการของไอซีซีต่อปูตินและลโววา-บีโลวา “ไม่มีความหมายในทางใดทั้งสิ้น” เนื่องจากรัสเซียไม่ได้เป็น 1 ใน 123 ประเทศ ซึ่งร่วมเป็นภาคีของธรรมนูญกรุงโรม ที่เป็นสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ในการก่อตั้งไอซีซี นอกจากนั้น ไอซีซี “เพิกเฉย” ต่อการก่อความรุนแรงระดับโลก หนึ่งในนั้นคือ การที่สหรัฐเข้าไปปฏิบัติการในอิรัก เพื่อโค่นอำนาจประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซน เมื่อปี 2546.
เครดิตภาพ : REUTERS