โดยเฉพาะในส่วนพรรคการเมืองที่มีแนวโน้มจะได้เสียง ส.ส. มาเกิน 25 เสียง ที่จะสามารถโหวตนายกรัฐมนตรี ซึ่ง พรรคเพื่อไทย เบอร์ 1 คือ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เบอร์ 2 นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เบอร์ 3 นายชัยเกษม นิติสิริ ประธานยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย คือ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล พรรคพลังประชารัฐ คือ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พรรครวมไทยสร้างชาติ เบอร์ 1 “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เบอร์ 2 “เสี่ยตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค พรรคประชาธิปัตย์ “อู๊ดด้า” จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค และ พรรคก้าวไกล “ทิม” พิธา เจริญรัตน์ 

หลังจากนี้ก็ต้องสู้กันอย่างเต็มที่ แต่ละพรรคก็ต้องใช้กลยุทธ์ โดยเฉพาะในส่วนของพรรคการเมืองขนาดใหญ่ ที่แกนนำ “มือบอด” จับได้เบอร์เลข 2 ตัว ยกเว้นพรรคภูมิใจไทย ที่ “เสี่ยหนู” จับได้เบอร์ 7 จดจำง่ายกว่าพรรคอื่นๆ เพราะที่เหลือเป็นเลขคู่ ที่ล้วนจำยาก

ล่าสุดบรรดา สารพัดโพล ที่ออกมา โดยภาพรวม โพลมาเป็นอันดับ 1 คือ “แพทองธาร” เช่นเดียวกับพรรคเพื่อไทย ที่มีคะแนนนิยม อยู่ในอันดับ 1 ทั้งแบบเขต และแบบปาร์ตี้ลิสต์ ขณะที่ “พล.อ.ประยุทธ์” นายกรัฐมนตรี ก็ไล่ตามมา “อุ๊งอิ๊ง” มาแบบติดๆ ขณะตัวแปรผู้นำพรรค “พิธา” และคะแนนนิยมของพรรคก้าวไกล ก็เกาะกลุ่ม ติดอันดับ 1 ใน 3 แต่ที่กระแสดร็อปอย่างต่อเนื่อง ทั้ง “พล.อ.ประวิตร” และพรรคพลังประชารัฐ รวมไปถึง “จุรินทร์” และพรรคประชาธิปัตย์ นอกจากคะแนนไม่กระเตื้องขึ้นแล้ว แถมเบอร์ปาร์ตี้ลิสต์ของพรรค ก็ยังได้เลข 2 หลัก จำยาก โดยพรรคพลังประชารัฐ ได้หมายเลข 37 ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ได้หมายเลข 26

ส่วน การจัดลำดับ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์กลุ่มของเซฟโซน แต่ละพรรค ก็บ่งบอกทิศทางอนาคตได้เป็นอย่างดี โดยพรรคเพื่อไทย เซฟโซนไม่เกิน 40 ชัดเจน เบอร์ต้นๆ และเบอร์ท้ายๆ วางลำดับบรรดาว่าที่รัฐมนตรี อาทิ “เจ้าแม่นครบาล” นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด เบอร์ 98 “เจ้าพ่อเมืองชล” สนธยา คุณปลื้ม เบอร์ 99 นายภูมิธรรม เวชยชัย เบอร์ 100 ซึ่งไม่ต้องเสียเวลาให้ลาออกจาก ส.ส. หากต้องเป็นรัฐมนตรี ในขณะที่พรรคอื่นๆ บรรดาแกนนำและสัดส่วนโควตาเงื่อนไขในแต่ละพรรค ก็ล้วนอยู่ในเซฟโซน 1-10 ลดแรงกระเพื่อม แต่ก็อาจมีบางพรรคที่อาจเกิดคลื่นใต้น้ำเบาๆ หลังจากส่อแววไม่ได้อยู่ในเซฟโซนของแต่ละพรรค อย่างพรรคพลังประชารัฐ แม้แต่ “ผู้กอง” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานภาคเหนือ ก็ยังปักหลักลง ส.ส.พะเยา เขต 1 การันตีวามเป็น ส.ส.เขต ยอมตากแดดหาเสียงเพื่อให้ได้เป็น ส.ส. ดีกว่าไม่ได้อยู่ในเซฟโซน 

หรือแม้แต่ “ศึกนางพญา” ในพรรคประชาธิปัตย์ ที่บางคนไม่ได้หลายเลข ตามที่ตกลงไว้ ตัวเลขอยู่ในลำดับหวาดเสียว ต้องลุ้นจนนาทีสุดท้ายว่า จะได้เป็น ส.ส. หรือไม่

จากนี้ไป คงต้องจับตาการหาเสียง เพราะกว่าจะถึงวันที่ 14 พ.ค. 66 เชื่อว่าการหาเสียงจะทวีความรุนแรง และดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ แบบไม่มีใครยอมใคร เพราะมีบางพรรคเดิมพันว่า ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ คือ “สงครามครั้งสุดท้าย”.