สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 เม.ย. ว่า กองกำลังป้องกันอิสราเอล (ไอดีเอฟ) ออกแถลงการณ์ เกี่ยวกับปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ต่อเป้าหมายหลายแห่งในฉนวนกาซา และพื้นที่บางแห่งทางตอนใต้ของเลบานอน เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา และต่อเนื่องจนถึงช่วงรุ่งสางของวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น โดยไอดีเอฟเปิดเผยว่า เป้าหมายที่มีการโจมตี รวมถึงอุโมงค์สองแห่ง และคลังแสงอาวุธอีกสองแห่ง

ระบบไอเอิร์นโดมของอิสราเอล ในเมืองอัชเคลอน สกัดจรวดที่มีการยิงข้ามเขตแดนออกมาจากฉนวนกาซา


ขณะเดียวกัน ไอดีเอฟรายงาน การต้องเปิดไซเรนในเมืองหลายแห่งทางตอนใต้ของอิสราเอล เพื่อเป็นสัญญาณให้ประชาชนหลบภัยในที่กำบังของรัฐ เนื่องจากกลุ่มติดอาวุธในฉนวนกาซา ระดมยิงจรวดข้ามเขตแดน


สถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล ประณามกลุ่มฮามาสซึ่งปกครองฉนวนกาซา อยู่เบื้องหลังการระดมยิงจรวดอย่างน้อย 34 ลูก จากเลบานอน มายังพื้นที่ทางเหนือของอิสราเอล โดยรายงานของไอดีเอฟระบุว่า

แม้ระบบป้องกันไอเอิร์นโดมสามารถสกัดจรวดได้อย่างน้อย 25 ลูก แต่จำนวนจรวดซึ่งมีการยิงออกมาจากเลบานอนในครั้งนี้ มีจำนวนมากที่สุด นับตั้งแต่สงครามระหว่างอิสราเอลกับเลบานอน เมื่อปี 2549

เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของอิสราเอล ตรวจสอบชิ้นส่วนจรวด ซึ่งมีการยิงข้ามพรมแดนมาจากเลบานอน แล้วตกที่เมืองชโลมี ทางเหนือของอิสราเอล


ต่อมากลุ่มฮามาสออกแถลงการณ์ ประณาม “พวกไซออนิสต์” ที่หมายถึงอิสราเอล ว่าเป็นฝ่ายเคลื่อนไหวเพื่อยกระดับความรุนแรงในฉนวนกาซา และเตือนว่า ความตึงเครียดครั้งนี้ จะสร้างแรงกระเพื่อมไปทั่วทั้งภูมิภาค


อนึ่ง การยิงจรวดข้ามพรมแดนจากเลบานอนมายังอิสราเอลในรอบนี้ “เกิดขึ้นอย่างประจวบเหมาะ” กับการที่นายอิสมาอิล ฮานิเยาะห์ ผู้นำกลุ่มฮามาส เดินทางมายังเลบานอน เพื่อพบหารือกับแกนนำของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ จึงมีการวิเคราะห์เช่นกันว่า ไม่ว่าจรวดที่ลอยมาจากเลบานอนจะเป็นของกลุ่มฮามาสหรือไม่ “แต่เป็นไปไม่ได้เลย” ที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์จะไม่ทราบ


นอกจากนี้ ความรุนแรงระลอกใหม่เกิดขึ้นในเวลาเดียวกับที่ สถานการณ์ในมัสยิดอัล-อักซอ ที่เขตตะวันออกของนครเยรูซาเลม ตึงเครียดตลอดสัปดาห์นี้ จากการที่ตำรวจอิสราเอลบุกเข้าตรวจค้นพื้นที่อย่างน้อย 2 ครั้ง “เพื่อจับกุมกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ” แต่สถานการณ์บานปลายกลายเป็นปะทะอย่างดุเดือด ระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้แสวงบุญ.

เครดิตภาพ : REUTERS