จากกรณี ด.ต.อรรถพร วิเชียร หรือดาบอรรถ อายุ 46 ปี ผบ.หมู่ งานป้องกันปราบปราม สภ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมพวกรวม 4 คน ใช้อาวุธปืนสงคราม M16 และอาวุธปืนลูกซองยิงถล่มบ้านพัก ในสวนปาล์มเลขที่ 91 หมู่ 8 ต. กะเปา อ.คีรีรัฐนิคม ก่อนฆ่ายกครัวผู้เสียชีวิตรวม 4 ศพ ต่อมา นายมานพ ว่างงาน อายุ 57 ปี 1 ในแก๊งมือปือที่ถูกออกหมายจับ ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 เม.ย. นางวัชรี หรือจ๋า (สงวนนามสกุล) ภรรยาของ ด.ต.อรรถพร วิเชียร มือปืนฆ่ายกครัว เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนแต่งงานอยู่กินกับ ด.ต.อรรถพร มานานกว่า 20 ปี หลังจากที่ตนต้องเป็นม่ายเพราะสามีเสียชีวิต โดยขณะนั้นตนมีลูกสาว อายุ 1 ขวบ ส่วน ด.ต.อรรถพร ก็มีลูกติด คือ นายอรรถพล หรือบาส และสร้างครอบครัวกันด้วยมา ยอมรับว่า สามีมีนิสัยเจ้าชู้ และมักจะมีผู้หญิงอื่นอยู่เสมอๆ จนกระทั่งสามีย้ายมาอยู่ในพื้นที่ อ.คีรีรัฐนิคม ซึ่งเป็นบ้านเดิมของตน ก็พบว่าสามีได้ไปรู้จักกับผู้ใหญ่รงค์ แต่ตนไม่ได้สนใจ

นางวัชรี กล่าวต่อว่า จนวันหนึ่งผู้ใหญ่รงค์ได้มาหาตนที่บ้าน และบอกว่าอยากได้ ด.ต.อรรถพร เป็นลูกเขย เพื่อที่จะได้ช่วยกันดูแลที่ดินและสวนปาล์มน้ำมัน ในพื้นที่ ต.กะเปา ตอนนั้นตนทราบว่า ลูกสาวของผู้ใหญ่รงค์ ได้แต่งงานอยู่กินกับสามีซึ่งเป็นชาว ต.น้ำรอบ อ.พุนพิน ซึ่งผู้ใหญ่รงค์อ้างกับตนว่า สามีของลูกสาวเป็นคนนิสัยไม่ดี อยากให้เลิกกัน และต้องการได้ ด.ต.อรรถพร ไปเป็นลูกเขย และพูดจาในลักษณะขอสามีของตนไปเป็นลูกเขย โดยบอกกับตนว่าให้ตนอยู่เฉยๆ และห้ามเข้าไปยุ่งเกี่ยว โดยในตอนแรกตนบอกไปว่าตนรับไม่ได้ แต่เมื่อได้สอบถามสามี สามีก็ได้ยอมรับว่า ได้ลูกสาวของผู้ใหญ่รงค์เป็นภรรยาและจดทะเบียนสมรสแล้ว ตนจึงทำใจและไม่ยุ่งเกี่ยวด้วย เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา สามีดูแลตน และลูก รวมถึงบุคคลในครอบครัวเป็นอย่างดี แต่ ด.ต.อรรถพร ก็ยังไปมาหาสู่และดูแลตน ลูกสาวของตน รวมถึงน้องบาส นายอรรถพล ลูกชายเป็นอย่างดี

นางวัชรี กล่าวต่ออีกว่า ก่อนหน้านี้สามีได้ขายที่ดิน ซึ่งตัดแบ่งจากส่วนที่ตนสร้างที่อยู่อาศัยในปัจจุบัน ให้กับผู้อื่นได้เงินมากว่า 2 ล้านบาท และขายที่ดินซึ่งเป็นสมบัติของสามีได้เงินอีกประมาณ 2 ล้านบาท และไปกู้เงินสหกรณ์ตำรวจอีก 3 ล้านบาท รวมกว่า 7 ล้านบาท โดยบอกกับตนว่าจะนำเงินไปลงทุนสร้างสวนปาล์มน้ำมันและซื้อที่ดินร่วมกับผู้ใหญ่รงค์ ซึ่งตนก็ไม่ได้ขัดข้อง เพราะเห็นว่าเป็นการซื้อที่ดินและสร้างสวนปาล์ม เพื่อเป็นรายได้ของครอบครัว จนกระทั่งก่อนเกิดเหตุ ตั้งแต่ประมาณ กลางปี 2565 สามีมักจะมาเล่าให้ฟังว่า เงินที่นำไปลงทุนร่วมกับผู้ใหญ่โรงรวมถึงซื้อรถแบ๊กโฮ กำลังจะสูญเปล่า และมีทีท่าว่าจะขับไล่ให้สามีออกจากบ้าน แลกเงินที่นำไปลงทุนร่วมกับผู้ใหญ่รงค์ กำลังจะสูญเปล่า

“ก่อนจะเกิดเหตุการณ์เศร้าสลด สามีได้กลับมาที่บ้าน และมีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัด และบ่นให้ตนฟังว่า สูญสิ้นหมดแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง และถูกผู้ใหญ่รงค์หลอก ตอนนั้นตนไม่ได้เอะใจ จนก่อนเกิดเหตุ 2-3 วัน สามีได้กลับมาที่บ้านอีกครั้ง และได้มีการพูดจากับ หลานชาย ซึ่งเป็นลูกของน้องบาส ซึ่งตนเลี้ยงดูอยู่ ว่าให้ทำตัวดีๆ อย่าดื้อกับย่า ตอนนั้นตนรู้สึกเอะใจ และถามกับสามีไปว่าจะไปไหน แต่สามีไม่ตอบ หลังจากนั้นสามีก็ได้ออกจากบ้านไป จนมาทราบว่าสามี ได้ไปก่อเหตุดังกล่าว” นางวัชรี กล่าว

ค่าหัว5หมื่นล่า ‘ด.ต.’คลั่งฆ่ายกครัว ลั่น!ไม่ขอมอบตัวเพราะไม่มีอะไรจะเสีย

นางวัชรี กล่าวด้วยว่า อยากให้สังคมมองในมุมของเราบ้างว่า ที่ผ่านมาเราเป็นผู้ถูกกระทำ และที่ผู้ใหญ่รงค์ เข้ามาเกี่ยวข้องกับครอบครัวเรา เขาหวังผลอะไรหรือเปล่า สามีต้องสูญเสียเงินจำนวนมากให้กับผู้ใหญ่รงค์ มิหนำซ้ำยังถูกผู้ใหญ่รงค์ว่าจ้างมือปืนมาเพื่อฆ่าด้วยซ้ำ ตนไม่รู้ว่าสาเหตุความขัดแย้ง ระหว่างสามีกับผู้ใหญ่รงค์ มีสาเหตุมาจากเรื่องใด แต่ตอนนี้สงสารสามีเป็นอย่างมาก และอยากให้เข้าใจพวกเราด้วย เชื่อว่าเหตุที่สามีทำลงไปเพราะมีแรงกดดันและความแค้น ต้นอยากวิงวอนไปถึงสามี หรือผู้ที่ทราบเบาะแส และติดต่อสามีได้ ว่าอยากจะให้เขาเข้ามอบตัว เพื่อต่อสู้ทางกฎหมาย และยอมรับถึงผลกระทำที่สามีได้ทำไป

นางวัชรี กล่าวด้วยว่า ปกติน้องบาส จะอาศัยอยู่ที่บ้านของตน และตนไม่ทราบว่าน้องบาสได้ออกไปจากบ้าน ไปตั้งแต่ตอนไหน รู้เพียงแต่ว่าวันที่เกิดเหตุ น้องบาสไม่ได้อยู่ที่บ้าน จนมาทราบอีกครั้งว่า น้องบาสถูกยิงเสียชีวิตแล้วนำศพใส่ไว้ในรถยนต์ ไปจอดทิ้งไว้ที่วัดไกรสรเขตราราม ซึ่งเบื้องต้นตำรวจเชื่อว่าผู้ที่ก่อเหตุยิงน้องบาสก็คือ ด.ต.อรรถพร ตรงนี้ตนเสียใจมาก เพราะรู้ว่าที่ผ่านมาสามีรัก น้องบาส และบุตรสาวของตนมาก มีการดูแลเป็นอย่างดี โดยเฉพาะบุตรสาวของตน ด.ต.อรรถพร ได้จดทะเบียนรับเป็นบุตรบุญธรรมตามกฎหมายเรียบร้อย ตอนนี้ตนและลูกสาวเป็นห่วง ด.ต.อรรถพร มากอยากให้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่โดยเร็ว

อย่างไรก็ตาม ญาติรายหนึ่งเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เชื่อว่าผู้ที่ลงมือยิงน้องบาส ก็คือ ด.ต.อรรถพร เนื่องจากที่ผ่านมา น้องบาสมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แม้ว่า ด.ต.อรรถพร จะพยายามแก้ไขปัญหาแต่ทำไม่ได้ โดยขณะนี้น้องบาสมีบุตร ที่นำมาให้นางวัชรี ดูแลถึง 3 คน นอกจากนั้นยังมีปัญหาเกี่ยวกับการใช้ยาเสพติด จึงเชื่อว่า ด.ต.อรรถพร ตัดสินใจปลิดชีวิตลูกชาย เพื่อไม่ให้นางวัชรี ต้องรับภาระเกี่ยวกับพฤติกรรมของบุตรชาย เนื่องจากทราบว่าหากตนเองไม่อยู่ น้องบาสอาจสร้างความเดือดร้อนให้กับนางวัชรีได้.