เมื่อวันที่ 12 เม.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) พร้อม พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. แถลงการจับกุม จ่าสิบโท เขมรัตน์ บุญช่วย สังกัด ขส.ทบ. ผู้ต้องหาในข้อหานำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ, เผยแพร่ ส่งต่อข้อความอันเป็นเท็จฯ ตามความใน พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นแฮกเกอร์นาม “9near” ที่นำข้อมูลส่วนตัวของคนไทยกว่า 55 ล้านรายชื่อ จากหน่วยงานรัฐไปเผยแพร่ผ่านบนโลกออนไลน์

โดยเจ้าหน้าที่ได้คุมตัว จ.ส.ท.เขมรัตน์ ขึ้นรถไปพร้อมกับตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน เพื่อไปตรวจสอบที่พัก ซึ่งผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามแรงจูงใจและจุดประสงค์การก่อเหตุ แต่ จ.ส.ท.เขมรัตน์ ยกมือไหว้พร้อมบอกว่า เดี๋ยวให้ฟังการแถลงข่าวก่อน

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ภายหลัง จ.ส.ท.เขมรัตน์ ถูกส่งตัวมายัง บช.สอท. เพื่อสอบปากคำ จากนี้จะคุมตัวไปยังที่พักเพื่อตรวจสอบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ก่อเหตุ ทั้งนี้ จากการสอบปากคำเจ้าตัวรับว่า ได้ซื้อข้อมูลส่วนตัวคนไทยมาจากดาร์กเว็บที่เอฟบีไอเคยสั่งปิดไปแล้ว แต่พบว่ายังมีข้อมูลถูกนำมาขายอยู่ตามช่องทางที่กลุ่มแฮกเกอร์ใช้งาน อย่างไรก็ตาม ยังไม่พบว่าข้อมูลดังกล่าวที่ถูกนำมาเผยแพร่ถูกนำไปขายหรือใช้ต่อ โดย จ.ส.ท.เขมรัตน์ อ้างว่าได้ทำลายข้อมูลไปแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ยังต้องตรวจสอบเพิ่มเติม ทั้งนี้ในอนาคตต้องเพิ่มความเข้มงวดการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล หน่วยงานที่เก็บข้อมูลต้องป้องกันการถูกเจาะข้อมูล ซึ่งไม่ทราบว่าข้อมูลที่หลุดออกไปนั้น เป็นการสะสมมาตั้งแต่ช่วงเวลาใด เชื่อว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องทางการเมือง และไม่น่ามีผู้ใดอยู่เบื้องหลัง

พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า จากการสอบปากคำ จ.ส.ท.เขมรัตน์ รับสารภาพว่าทำเพียงคนเดียว อ้างว่าซื้อข้อมูลมาจากเว็บบีทฟอรั่ม ไม่ได้เป็นการแฮก โดยทำไปเพื่อเป็นการทดลองว่าจะมีรายชื่อของตัวเองอยู่หรือไม่ ก่อนจะพบว่ามีชื่อตัวเองกับญาติอยู่จริง จึงซื้อข้อมูลมาโพสต์แต่ยังไม่ดัง ก่อนจะเอารายชื่อที่ซื้อมาให้อินฟลูเอนเซอร์ที่รู้จักโพสต์ก่อนจะดัง เป็นการลงมือไปเพียงเพราะอยากดัง โดยเจ้าตัวยอมรับว่า เป็นผู้ส่งข้อความที่แสดงให้รู้ว่าตัวเองมีข้อมูลส่วนบุคคลอยู่จริง ซึ่งได้ซื้อมา 8 ล้านเรคคอร์ด ในราคา 8,000 บาท อ้างว่ามีไม่ถึง 55 ล้านรายชื่อ ตามที่เป็นข่าวไป

พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวอีกว่า จ.ส.ท.เขมรัตน์จบปริญญาตรีด้านเทคโนโลยีสารนิเทศ ส่วนแฟนเขาที่เป็นพยาบาล ทำหน้าที่ดูแลคนไข้ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบใด ทั้งนี้ จ.ส.ท.เขมรัตน์ ยอมรับว่า หลักฐานตามหมายจับสอดคล้องกับพฤติกรรมก่อเหตุ โดยทหารพระธรรมนูญกับเจ้าตัวเอง ยินยอมให้ไปตรวจค้นที่พัก จากนี้จะคุมตัวไปตรวจสอบพร้อมกองพิสูจน์หลักฐานและนำตัวกลับมาเพื่อสอบปากคำและส่งฟ้องต่อศาลต่อไป อย่างไรก็ตาม หลังก่อเหตุ จ.ส.ท.เขมรัตน์ ได้ตระเวนหลบหนีไปหลายสถานที่ เพราะตำรวจได้วางกำลังซุ่มติดตามกลุ่มคนใกล้ชิดเอาไว้ โดยเจ้าตัวอ้างว่า ได้หลบหนีเพียงคนเดียว

ทั้งนี้มีรายงานว่า ได้นำตัว จ.ส.ท.เขมรัตน์ ไปค้นห้องพักที่แฟลตทหารภายใน ขส.ทบ. เพื่อตามหาพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับทางคดี โดยใช้เวลาในการตรวจค้นนานกว่า 1 ชั่วโมง ก่อนที่เวลา 14.00 น. จะนำตัวเข้ามา โดย จ.ส.ท.เขมรัตน์ ได้กล่าวขอโทษสังคม พร้อมระบุว่า ขอโทษคนไทยทุกคนที่ทำให้ตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยอมรับว่าไม่ได้ตั้งใจทำให้เกิดเหตุเช่นนี้ และยืนยันยังไม่ได้นำข้อมูลไปเผยแพร่ที่ใด ส่วนรายละเอียดข้อมูลส่วนบุคคลมีอะไรบ้างนั้น ตนได้ให้การกับพนักงานสอบสวนไปหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้นำตัวไปสอบปากคำต่อ ก่อนที่จะนำตัวส่งศาลทหาร เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป.