เมื่อวันที่ 1 ก.ย. เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา โทนี วู้ดซัม หรือ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมเสวนาในคลับเฮาส์ของกลุ่ม CARE คิด เคลื่อน ไทย เป็นครั้งที่ 14 ในตอน “ขอไม่ไว้วางใจประยุทธ์ด้วยอีกคน” คู่ขนานกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจในรัฐสภา เป็นวันที่ 1 โดยช่วงหนึ่ง โทนี่ได้เล่าถึงเหตุ คาร์บอมบ์ เมื่อ 24 สิงหาคม 15 ปีที่แล้ว โดยว่า วันนี้เป็น oral history เป็นประวัติศาสตร์ทางวาจา คือ มีนายทหารคนหนึ่ง 1 ในทหารที่เกี่ยวข้องกับการจัดการคาร์บอมบ์ ความจริงถูกออกจากราชการ 2 หรือ 3 คน แต่คนหนึ่งถูกออกจากราชการ พอปฏิวัติปุ๊บ คณะปฏิวัติไม่ดูแล แกถูกออกจากราชการ ก็ไม่มีเงินให้ลูกไปเรียนหนังสือ คนที่จะฆ่าผมนี้ ผมให้คนไปหา และให้เงินลูกเขาไปโรงเรียนให้ ให้อภัยเขา เขาก็สำนึก เลยเล่าให้ฟังหมด ว่าเขาไปทำอะไร ยังไง ใครสั่ง มีใครทำ ผมก็อัดเทปไว้ด้วย แต่ไม่เคยเปิด เพราะบ้านเมืองแตกแยกกันพอแล้ว

บางครั้ง ผมก็ยอมกัดลิ้น กลืนเลือดตัวเอง ซึ่งวันนั้น เดิมทีเดียว รถคันนี้ เป็นรถที่จอดใน กอ.รมน. ไปดักผมนายตำรวจที่ดูแลผม วิ่งมาบอกว่า วันนี้จะไม่ออกทางเดิม เพราะมีรถต้องสงสัยจอดอยู่ปากทาง น่าจะเป็นรถที่จะทำร้ายท่าน ก็โอเค ตอนหลังมานี่ ผมไปดูวงจรปิด ที่ บน.6 ที่ขึ้นลงเครื่องบิน มีวงจรปิด มีนายทหารยศ พันเอก และ พลตรี ได้เข้าไปสำรวจดู และรถคันนี้ก็หายไป 10 กว่าวัน ผมก็ถามว่า รถคันนี้ทำไมหาไม่เจอ ตอนหลังมา 24 สิงหาคม รถคันนี้ก็ไปจอดใต้สะพานข้ามซังฮี้ ปกติ ผมออกจากบ้าน 9 โมงเช้า วันนั้นผมจะไปต่างประเทศ ก็ห่วงน้ำท่วมน่าน เลยเดี๋ยวไปสั่งการแก้ปัญหาน้ำท่วมก่อนดีกว่า เลย 5 โมงเย็นสั่งการ รีบเรียกประชุม 08.30 น. ก็ไม่มีในหมายที่ผู้สื่อข่าวรู้ ก็เลยไม่มีใครรู้

โทนี กล่าวว่า ร.ท. ธวัชชัย เป็นคนขับ พอผมขับ ตำรวจหน้ารถ จำรถได้ ก็เรียกตำรวจหน้าบ้านผมมาจับ ก็เจอระเบิด ซีโฟร์ และ ทีเอ็นที เต็มท้ายรถ ที่ไม่ระเบิดก็มี 2 สาเหตุ 1. อาจจะต่อไม่ดีพอ กดแล้วไม่ระเบิด 2.ผมออกจากบ้านเร็ว เขาเลยไปกินอาหารอยู่ในตลาด แล้ววิ่งมาไม่ทัน และกลัวเวลากดระเบิดเนี่ย เป็นระเบิดเครื่องบินบังคับ แล้วไปหลบอยู่เสาเหล็ก การไปกดอยู่เสาเหล็ก ไม่ผ่าน ผมเลยไม่ตาย หลังจากนั้นสื่อเลือกข้างก็มารับลูก บอกคาร์บอมบ์ คาร์บอมบ์พ่อ.. ไอ.. ผมเกือบตาย ถ้าผมตาย ไม่ได้ตายคนเดียวนะ ซีโฟร์ กับ ทีเอ็นที รัศมีครึ่งกิโล เด็กเขมะฯ ตายกันหมดทั้งโรงเรียน ชาวบ้านอีก เหี้ยมมาก

โทนี ยังเล่าว่า พยานคนหนึ่งเป็นจ่า เด็กเสิร์ฟกาแฟ บอกว่าถ้าฆ่าไม่ตายจะปฏิวัติ ถ้าปฏิวัติสำเร็จ จะให้ใครเป็นนายกฯ บอกหมด วันหลังมีคนมาบอกผม ผมก็บันทึกไว้ เขาเป็นทหาร ซีโฟร์ก็ไม่อยาก ตอนหลังโดน 4 ปีครึ่ง แต่ไม่โดนเรื่องลอบฆ่าผม เพราะผมโดนปฏิวัติแล้ว ถ้าผมอยู่ก็เสร็จ ผมนั่งสอบเองเลย มีผู้อยู่เบื้องหลัง ระดับพลเอกทั้งนั้น มันจบกันไปแล้ว ก็มีการไปตามว่าเมื่อไหร่จะฆ่าผมสักที มีการไปตามคนสั่งการ ก็มีค่าจ้างจากพ่อค้าที่โกรธผม ทั้งที่ผมไม่ได้อะไรเลย  ผมโดนลอบสังหารหลายครั้ง ตอนรับตำแหน่งใหม่ๆ ก็มีเครื่องบินที่เชียงใหม่ที่ถูกวางระเบิด แต่ถูกปฏิเสธไปเป็นความบกพร่องเรื่องอื่น แต่ฟังไม่ขึ้น เพราะมีสจ๊วร์ตคนหนึ่งตาย เก้าอี้ที่ผมจะนั่ง มีซองเอกสารที่มี ทริกเกอร์ระเบิด สจ๊วตไม่รู้ ไปหยิบมา สจ๊วร์ตคนนั้นตาย ให้แน่ใจว่าถ้าระเบิดผมตายแน่ เพราะนี่ระเบิดซ้ำ เผอิญวันนั้นโอ้คมาช้า ตื่นสาย เลยช่วยชีวิตพ่อไว้ ผมก็แล้วไป ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 ตอนหลังผมโดนลอบยิง ด้วยสไนเปอร์อีก 2 ครั้ง ครั้งแรกที่ลำปาง ครั้งที่ 2 ที่สนามหลวง แต่ดวงเฮง ที่ลำปาง เขากะลอบยิงข้างหลัง เพราะข้างหน้าโพเดียมกันกระสุน พอดีส.ส.ทะเลาะกัน ผมเลยไม่ไปแล้ว อีกครั้งที่สนามหลวง เขาตั้งปืนที่ รัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ วันนั้นทีมปราศรัยดี เลยขึ้นก่อนกำหนด นักศึกษายังไม่ออกจากตึก ควักปืนมาไม่ได้ เลยโชคดีไป ส่วน ระเบิดดังกล่าว เป็นอาวุธที่จะมีแต่กองทัพหรือเปล่า ต้องมีการควบคุมหรือไม่ โทนี กล่าวว่า ต่อไป ทหาร อาวุธทุกอัน ต้องมีคิวอาร์โค้ดให้หมด จะได้ควบคุมว่าใครเอาไปไหน อย่างไร ผมให้เขาทำแล้วเขาไม่ทำ อย่างไรก็ตาม แม้จะถูกลอบฆ่าหลายครั้ง แต่ก็อยากกลับเมืองไทย เดิมทีเดียวผมพร้อมจะกลับ คนเราเกิดเดียวตายหนเดียว ผมห้อยหลวงพ่อหนัง ผมสวดมนต์ไม่เก่ง อาจจะท่องคาถาไม่เก่ง บางทีสวดเป็นบาลี ไม่รู้ความหมาย ฟังธรรมะบ้าง จิตปล่อยวางสูง