นายกรวีร์ ปริศนานัทกุล รักษาการประธานบริหารบริษัท ไทยลีก จำกัด ระบุว่า รอบชิงชนะเลิศ “ช้าง เอฟเอคัพ” ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนสนามแข่งขัน หลังจากมีกระแสดราม่า เพราะ “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ชิงชนะเลิศกับ “แข้งเทพ” ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่สนาม ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต สังเวียนเหย้าของ แข้งเทพ ในวันที่ 28 พ.ค. โดย มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือบุรีรัมย์ ก็แสดงความไม่พอใจ

ประเด็นดังกล่าว นายกรวีร์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า รู้สึกงงๆ ด้วยซ้ำว่า เป็นดราม่าขึ้นมาได้อย่างไร เพราะได้พูดคุยกันและประกาศสนามนัดชิงชนะเลิศเอาไว้ตั้งแต่ก่อนจะรู้คู่ชิงชนะเลิศแล้ว ทุกคนก็รับทราบกันหมด ส่วนการเปลี่ยนแปลงสนามรอบชิงฯ นั้น คิดว่าไม่จำเป็น ทางบุรีรัมย์เองก็ยังไม่ได้ทำเรื่องใดๆ เข้ามาอย่างเป็นทางการ ตนคิดว่า อิชิอิ คงไม่ทราบว่า สนามถูกกำหนดเอาไว้ก่อนจะรู้คู่ชิงชนะเลิศ

ซีอีโอไทยลีก กล่าวต่อไปว่า สนาม ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต เป็นสนามที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ กับบริษัท ไทยลีก จำกัด เป็นฝ่ายไปเช่าสนามเพื่อใช้งาน ทาง ทรู แบงค็อก ไม่ได้เป็นเจ้าบ้านแต่อย่างใด ถ้าบุรีรัมย์จับสลากได้เป็นทีม A ก็จะได้ใช้ห้องแต่งตัวทีมเหย้าด้วย ส่วนแฟนบอลเองก็แบ่งครึ่งเท่ากัน ต่อให้แฟนบอล ทรู แบงค็อก อยู่แถวนั้นเยอะ ก็เข้าสนามได้แค่ครึ่งเดียว หรือเรื่องความคุ้นชินสนาม บุรีรัมย์ ก็เคยมาแข่งขันที่นี่หลายครั้ง ส่วนการเดินทางก็ไม่ได้ยากมากนัก จึงไม่อยากให้มองว่าใครได้เปรียบเสียเปรียบใคร

“การเลือกสนามไม่ใช่แค่สมาคมกับไทยลีกเป็นผู้เลือก ยังมีสปอนเซอร์เจ้าของการแข่งขัน ที่อยากได้สนามที่จัดภายในกรุงเทพฯ มีพื้นที่กิจกรรม และไม่ขัดต่อตัวสปอนเซอร์ด้วย ฉะนั้นคงไม่โอเค ถ้าจะไปจัดสนามอื่น” นายกรวีร์ กล่าว พร้อมระบุถึงผู้ตัดสินด้วยว่า สมาคมฯ และฝ่ายผู้ตัดสิน น่าจะจัดแบบดีที่สุดมาให้อย่างแน่นอน จะต้องเป็นผู้ตัดสินระดับฟีฟ่าอีลิท รวมถึงระบบวีเออา ร์ก็พร้อมใช้งาน.