ใกล้ถึงวันที่คนไทยรอคอยกันแล้ว “การเลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 27” ที่จะเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ชี้ชะตาเมืองไทย โดยให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้ออกมาเลือก “ผู้นำ” เข้ามารับใช้ประชาชน พร้อมพาประเทศชาติให้พัฒนามากกว่าทุกวันนี้ โดยจะจัดขึ้นในวันที่ 7 พ.ค.นี้ สำหรับผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า และวันที่ 14 พ.ค.นี้ สำหรับผู้ใช้สิทธิตามปกติ และแน่นอนว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เกี่ยวโยงถึงทุกคน ในทุกแวดวง รวมถึงวงการบันเทิง ที่ถือเป็นอุตสาหกรรมใหญ่ที่เต็มไปด้วยคนไทยที่ศักยภาพ และสามารถไปในระดับนานาชาติได้ แต่ดูเหมือนยังขาดการสนับสนุนจากภาครัฐเท่าที่ควร ดังนั้นวันนี้ “บันเทิงเดลินิวส์” ขอหยิบเอาเสียงของคนในวงการบันเทิง ที่ต้องการส่งสารถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเข้ามาผลักดันภาคอุตสาหกรรมบันเทิงไทย ให้ไปได้ไกลมากยิ่งขึ้น!!

ประเดิมที่ นนกุล หรือ ชานน สันตินธรกุล พระเอกมากฝีมือ ที่ได้สปีชบนเวที “คมชัดลึก อวอร์ด” หลังเป็นตัวแทนภาพยนตร์ “บุพเพสันนิวาส 2” ขึ้นรับรางวัล ละคร/ภาพยนตร์ สืบทอด สร้างสรรค์ ศิลปวัฒธรรมร่วมสมัย โดยเจ้าตัวได้ฝากข้อความไปยังรัฐบาล ในการผลักดันวงการบันเทิงไทยอย่างทรงพลังว่า “…สิ่งที่ผมอยากจะพูดก็คือ มีประเทศหนึ่งที่รัฐบาลผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ ของประเทศ แล้วประเทศนั้นก็ทำสำเร็จครับ ในปี 1998 นักท่องเที่ยวของประเทศนั้น มีเพียง 3,908,000 คน แต่ในปี 2019 นักท่องเที่ยวของประเทศนั้น มีเพิ่มเป็น 17,503,000 คน ประเทศไทยของเรา ปี 2019 มีนักท่องเที่ยวเกือบ 40 ล้านคนอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าตัวรัฐอาจไม่ได้ส่งเสริมเท่าประเทศนั้นด้วยซ้ำ แต่ลองคิดดูสิครับว่า ถ้าเกิดว่าสามารถทำได้อย่างประเทศนั้นล่ะก็ ประเทศเราจะมีวงการบันเทิงที่ดียิ่งขึ้นไปอีกแน่นอน เพราะฉะนั้นผมอยากจะฝากถึงคนที่มีความรู้ ความสามารถ และมีอำนาจในการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่า ณ ปัจจุบันนี้ หรือในอนาคต ถ้าคุณไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไง ถามผมได้นะครับ ผมเชื่อว่าทุกคนต้องการเห็นวงการบันเทิงไทยไปสู่ระดับโลก ขอบคุณครับ…” เรียกเสียงปรบมือกึกก้องทั้งในฮอลล์และโลกออนไลน์

ด้าน “ยังโอม” หรือ โอม-รัธพงศ์ ภูรีสิทธิ์ แร็ปเปอร์เจ้าของเพลง “ธาตุทองซาวด์” ที่ดังกระหึ่มทั่วบ้านทั่วเมือง ก็ได้ออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เล่าถึงขั้นตอนการผลิต MV ที่เจ้าตัวทุ่มเงินหลักล้าน ซึ่งถือเป็นการใช้เงินเยอะที่ในชีวิต อีกทั้งยังส่งเสียงถึงหน่วยงานรัฐ ในการสนับสนุนอุตสาหกรรมเพลงไทยอีกด้วยว่า “MV เพลงนี้ผมใช้เงินตัวเองลงไปประมาณ 1,200,000 บาท เป็น MV ที่ผมใช้เงินเยอะที่สุดในชีวิต… ที่ผมต้องลงทุนเยอะขนาดนี้ เพราะอยากให้ทั้งโลกเขาเห็นว่าคนไทยก็เฟี้ยวเหมือนกันนะ คนไทยถ้าเอาจริงๆ เราทำได้ทุกอย่าง เรามีความสามารถ เรามีศิลปินที่เก่งมากๆ ในทุกๆ แขนงของศิลปะ นี่ขนาดผมทำด้วยตัวคนเดียว ด้วยเงินตัวเองมันยังได้ขนาดนี้ ผมอยากจะรู้จริง ๆ ถ้าคนไทยได้รับการสนับสนุนจากรัฐหรือจากไหนสักที่ วงการศิลปะบ้านเราจะไปได้ไกลแค่ไหน แล้วจะนำพาประเทศเราไปได้ถึงจุดไหน จะไปได้ไกลเท่าเกาหลีมั้ยนะ… และนี่คือเสียงจากอดีตเด็กโรงเรียนวัดธาตุทองตัวเล็ก ๆ ที่อยากเห็นประเทศนี้เฟี้ยวกว่าเดิม 5 วัน 10,000,000 วิว ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ครับ”

ขณะที่ เจเจ-กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม พระเอกวัยรุ่นชื่อดัง และผู้บริหารค่าย “QOW Entertainment” ก็ได้เปิดใจกับ “บันเทิงเดลินิวส์” เมื่อถูกถามว่า อยากให้หน่วยงานรัฐมีนโยบาย หรือการส่งเสริมผลักดันวงการบันเทิงในการเป็นซอฟต์พาวเวอร์ ยังไง? และ เจเจ ก็ตอบว่า “ผมว่าให้มันเป็นเรื่องการออกนโยบายสนับสนุน อย่างที่เราเห็นวงการเคป็อป เขามีรัฐบาลที่สนับสนุน เขาใช้เวลาพัฒนาตัวเอง 20 ปี จนมาถึงทุกวันนี้ ผมรู้สึกว่าถ้ามองในเวย์เดียวกัน ไทยเรามีศักยภาพ มีต้นทุนมากกว่าเขาในวันแรกของเขา ถ้าเราได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐจะทำให้เติบโตเร็วมาก เราอาจไม่ถึง 20 ปีด้วยซ้ำ อาจ 10-15 ปี เราอาจทำได้ แต่มันต้องการช่องทาง การสนับสนุนจากภาครัฐในเรื่องนโยบายให้มันสอดคล้องและสนับสนุนวงการบันเทิงไทย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพลงหรือภาพยนตร์ ผมว่าจะช่วยได้มากเลย ศักยภาพในวงการบันเทิงไทยมีบุคลากรเก่งมาก แต่ว่าแค่ขาดเรื่องการสนับสนุน ผมว่าทีป๊อปไประดับโลกได้ บ้านเรามีของและต้นทุกดีมากๆ ผมทุกวันนี้ทุกคนในวงการก็ช่วยกันผลักดันสุดๆ มันก็ยังไปได้ไกลจากที่เราเคยคิด เมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมาก็ยังไม่ถึงขนาดนี้ ผมว่าโตเร็วมากครับ”

ปิดท้ายที่สองศิลปิน อย่าง บี๊บ-ศิรสัณฑ์ หอวิจิตร และ โก้-วศิน อัศวนฤนาท แห่งวง “Rooftop” ที่เปิดใจกับ “บันเทิงเดลินิวส์” ในประเด็นเดียวกัน โดย บี๊บ บอกว่า “เราก็มีตัวอย่างที่ดันแล้วประสบความสำเร็จจากประเทศอื่น และประสบความสำเร็จมากคือไปในระดับโลกเลย ถามว่าประเทศเราทำไม่ได้เหรอ ก็ทำได้ ซึ่งประเทศเราก็มี อย่าง มิลลิ (ดนุภา คณาธีรกุล) ที่ไปแล้วโดยที่ไม่ต้องให้ใครช่วยเลย โอกาสมันเห็นชัดๆ นะครับ และงบประมาณมีหรือไม่มีมาบอกสิ แจงให้ดู จริงๆ เราทำงานก็ทำกันแบบนี้ เอางบมาแจงให้ดูว่ามีเพราะอะไร หรือมันมีได้เท่าไหร่ มันทำได้เห็นๆ ครับ เชื่อว่าหลายหน่วยงานก็เห็นความสำคัญแหละ แต่คิดว่าเรามารวมพลังกันมั้ย ทุกหน่วยงานครับ” โก้ เสริมว่า “มันอยู่ที่การให้ความสำคัญด้วย ถ้าเห็นว่ามันสำคัญหรือมันไปได้ Resource (ทรัพยากร) มันก็จะเทมาตรงนั้น ต้องให้หลายๆ ฝ่ายเห็นก่อนว่ามันสำคัญยังไง และทำจะทำยังไงแล้วมันจะไปได้ครับ”