เมื่อวันที่ 2 พ.ค. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ร้านกาแฟชูใจ ต.เชิงเนิน อ.เมือง จ.ระยอง หลังได้รับการร้องเรียนจาก นางโชษิตา ใจพอดี อายุ 48 ปี กรณีเมื่อวันที่ 11 ก.พ. 64 ได้ทำการซื้อรถเก๋งยี่ห้อหนึ่งในราคา 1,215,000 บาท จากศูนย์รถยนต์แห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ริมถนนสุขุมวิท ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง จนกระทั่งใช้รถมาประมาณ 4 เดือน รถกลับเสียจนต้องถึงกับต้องใช้รถยกเข้าศูนย์ ก่อนจะฉงนใจ ให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบดู จึงพบว่าเป็นรถเก่าที่ผลิตในปี 2019 หรือปี พ.ศ. 2562 จึงเท่ากับเป็นรถเก่าย้อนไปสองปี เพราะวันที่ออกรถจากศูนย์ คือ ปี 2021 หรือ ปี พ.ศ. 2564 เท่ากับเป็นการนำรถเก่ามาขายให้ในราคารถใหม่ จึงต้องการขอความเป็นธรรม ให้ศูนย์รับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น

เมื่อเดินทางไปถึงที่ร้านกาแฟชูใจ พบว่าบริเวณที่จอดรถหน้าร้าน มีรถเก๋งคันดังกล่าวจอดอยู่ และมีการติดป้ายพร้อมข้อความไว้ตรงด้านหน้ารถว่า “เตือนภัย…ป้ายแดง ผมก็โดน” และ “ออกรถจากศูนย์ 1 ล้าน 2 แสน ได้รถเก่าถอยไป 2 ปี ราคาถอยไป 2-3 แสน ทันที โค-ตะ-ระ-ซวย รถเค้าดี สมรรถนะสมคำร่ำลือ แต่ดวงมันซวย ได้รับการส่งมอบอย่างแบด เลยต้องแซดแบบสุดๆ” เป็นต้น ซึ่งป้ายดังกล่าวเป็นที่สนใจสำหรับลูกค้าที่ต่างก็เข้ามาอ่านและถ่ายรูปกัน

จากการสอบถาม นางโชษิตา เจ้าของรถคันดังกล่าว เปิดเผยว่า ตนเองกับสามี ชอบรถยี่ห้อดังกล่าว ทั้งที่ไม่เคยใช้มาก่อน จึงตัดสินใจเดินทางไปจองรถกับศูนย์รถเกิดเหตุ ก่อนจะคุยกับเซลส์ขายรถของศูนย์ ซึ่งมีข้อเสนอว่า ต้องการรถโชว์ หรือ รถเดโม่ไหม ทางตนกับสามีปฏิเสธทันที เพราะซื้อรถทั้งทีก็ต้องการรถใหม่ที่ไม่ผ่านการใช้งานมาก่อน ถึงจะใช้น้อยก็ตาม ต่อมาจึงมีการตกลงราคารถที่ต้องการซื้อ คือ รถเก๋งคันดังกล่าว ในราคา 1,215,000 บาท โดยในสัญญาระบุว่า เป็นรถรุ่นปี 2021 สภาพรถใหม่ โดยได้รับส่วนลดจำนวน 15,000 บาท ด้วยความมั่นใจในศูนย์รถ กับการซื้อรถยนต์คันละกว่าล้านบาท จึงไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น จึงไม่ได้มีการตรวจสอบเกี่ยวกับปีที่ผลิต ซึ่งดูในสัญญาก็คิดว่าคงจะไม่มีปัญหา จึงนัดวันรับรถออกมาใช้ในช่วงเดือนแรกไม่พบปัญหา รถใช้ดีสมกับราคา

เจ้าของรถ กล่าวต่อว่า จนกระทั่งผ่านเข้าสู่เดือนที่ 2 ปรากฏว่า ยางรถเกิดแก้มยางฉีก 1 เส้น ก็ไม่คิดอะไร ประกันจ่าย 1 เส้น ด้วยความกลัวจะมีปัญหาแก้มยางไม่เท่ากัน จึงตัดสินใจเปลี่ยนเพิ่มเองอีก 3 เส้น แล้วก็ใช้ต่อมา จนถึงเดือนที่ 4 ขณะไปพักผ่อนริมหาดแม่รำพึง ระยอง ปรากฏว่ารถสตาร์ตไม่ติด จึงแจ้งศูนย์มาตรวจสอบพบว่าแบตเตอรี่เสื่อม แล้วก็เกิดรถเสียอีกครั้ง จนต้องขึ้นรถยก จึงเริ่มสงสัยเกี่ยวกับคุณภาพของรถ เลยปรึกษาเพื่อนที่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องรถ เมื่อตรวจสอบพบว่า เป็นรถที่ไม่ตรงปก คือเมื่อตรวจสอบพบว่าเป็นรถที่ผลิตเมื่อปี 2019 แต่นำรถมาขายในปี 2021 ในสัญญาก็ระบุไว้ จึงเท่ากับเป็นการนำเอารถเก่าย้อนไปสองปีมาขายให้ในราคารถปี 2021 เท่ากับเป็นการผิดสัญญา และหลอกลวงผู้บริโภค เพราะซื้อในราคารถใหม่ ไม่ใช่รถทดลองขับหรือรถเก่า

นางโชษิตา กล่าวอีกว่า หลังจากที่ตรวจสอบพบความไม่ชอบมาพากล จึงให้เพื่อนที่มีความรู้เรื่องรถช่วยตรวจสอบ ซึ่งก็พบข้อสงสัยอีกหลายจุด เช่น กระจกหน้ารถมีรอยสติกเกอร์ติดอยู่จนเป็นรอยเห็นที่กระจก เท่ากับว่าอาจจะเป็นรถโชว์ หรือรถทดลองขับมาก่อน ถึงขนาดเห็นรอยสติกเกอร์บนกระจก แสดงว่าต้องติดสติกเกอร์นานมากจึงเป็นรอยติดคากระจก และยางกันเสียงข้างประตูเริ่มเสื่อมสภาพ ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้กับรถที่มีอายุเพียงสองปี รวมถึงระบบไฟเริ่มมีปัญหา หลังจากทราบแน่ชัดว่าถูกนำรถเก่ามาขายให้ จึงรีบติดต่อไปทางศูนย์รถดังกล่าวทันที ทางศูนย์ก็รีบประชุมหาข้อสรุปทันทีด้วยความเคร่งเครียด ทางศูนย์แจ้งว่าให้รอมาตลอด และประกอบกับเป็นช่วงโควิด-19 ระบาด จึงทำได้แค่โทรฯ สอบถาม แต่สุดท้ายก็เงียบไร้ความรับผิดชอบจากทางศูนย์ จึงนำเรื่องเข้าร้องเรียนที่ สคบ.ระยอง แต่ก็ไม่มีผล จึงนำเรื่องเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมือง ระยอง เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 66 แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้า

“ส่วนสาเหตุที่เข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชนให้ช่วย เพราะเห็นกรณีของผู้ใช้รถรายหนึ่งใน จ.ระยอง ที่เป็นข่าวจนได้รับการชดใช้จากทางศูนย์รถ ซึ่งคล้ายกับเรื่องของตนเอง จึงตัดสินใจร้องสื่อมวลชน เพื่อให้ช่วยเหลือ เพราะไม่รู้จะไปพึ่งใคร วอนขอให้ทางศูนย์รถเห็นใจด้วย คนที่จะออกรถยอมจ่ายเงินในราคาเป็นล้านบาท ต่างก็มุ่งหวังที่จะได้รถใหม่มือแรก จึงขอให้ทางศูนย์ออกมารับผิดชอบเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วย พร้อมฝากเตือนผู้ที่จะซื้อรถใหม่ ควรตรวจสอบอย่างรอบคอบก่อนรับรถ จะได้ไม่เกิดปัญหาเหมือนกับตนเอง ที่ต้องเสียความรู้สึก” นางโชษิตา กล่าว