เมื่อวันที่ 3 พ.ค. ที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต กทม. มีรายงานว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เดินทางสอบสวน พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ อดีต รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.สวนผึ้ง และอดีตสามี นางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือแอม ผู้ต้องหาวางยาฆ่าชิงทรัพย์เพิ่มเติม โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า หลังจาก ผบ.ตร. ได้มอบหมายงาน ตนได้มอบหมายให้คณะทำงานสอบปากคำเพิ่มเติม โดย รอง ผกก. ให้การดีขึ้นตามลำดับ วันนี้ตนจึงมาสอบสวนเพิ่มเติม ส่วนน้อยหน่า ที่ว่าเป็นภรรยาน้อยของทางรอง ผกก. นั้น ตอนนี้ตัวอยู่ที่นี่แล้ว แต่ยังไม่ได้เริ่มการสอบสวน จากนี้ไม่ว่าจะมีวันหยุดกี่วัน ทางคณะพนักงานสอบสวนจะเร่งทำเพิ่มเติม

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ในวันพรุ่งนี้ (4 พ.ค.) ตนจะเดินทางไปเรือนจำ เพื่อเดินทางไปสอบปากคำ นางแอม ภายในเรือนจำ เพราะเชื่อว่าหลังจากติดคุกไปหลายวัน น่าจะรู้ผิดชอบชั่วดีมากขึ้น ทั้งนี้ นางแอม รับสารภาพว่า เป็นคนไปรับทรายที่สนามบิน โดยตนจะเข้าไปคุยสอบถามคำเพิ่มเติมภายในเรือนจำ

“ส่วนข้อหาตามหมายจับของ รอง ผกก. นั้น มีข้อหารับของโจร ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม ซึ่งเจ้าตัวให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา หลังการสอบสวนจะนำตัว รอง ผกก. ไปควบคุมตัวไว้ที่ สภ.เมืองนครปฐม โดยนำตัวไปฝากขังในวันพรุ่งนี้ พร้อมคัดค้านการประกันตัวด้วยเกรงว่าจะหลบหนี” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว

เปิดเงื่อนงำ ‘พ.ต.ท.’ อดีตสามี ‘แอม ไซยาไนด์’ เอี่ยวคดี นำไปสู่เหตุผลศาลอนุมัติหมายจับ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังกล่าวอีกว่า ในช่วงวันหยุดนี้จะทำความจริงให้กระจ่าง อย่างน้อยในวันจันทร์และอังคารนี้ จะบอกสื่อมวลชนได้ ในส่วนของน้อยหน่า ภรรยาน้อยอาจจะรู้ข้อมูลเยอะ เพราะอยู่ใกล้ชิด เขาเป็นสามีภรรยาย่อมรู้ว่าเส้นทางการเงินเป็นอย่างไร คน 3 คน ไปในสถานที่เดียวกัน ย่อมต้องทราบรายละเอียด

รอง ผบ.ตร. กล่าวต่ออีกว่า สำหรับผู้ที่ซื้อไซยาไนด์ทางออนไลน์ ต้องมีวัตถุประสงค์ ซื้อไปทำอะไร ตอนนี้เรามีข้อมูลทั้งหมดแล้ว ว่าใครซื้อไปบ้าง รวมถึงบุคคลที่เป็นดาราด้วย ซึ่งมีบุคคลที่ซื้อไปนับ 100 ราย หากพบพิรุธหรือมีความน่าสงสัยจะเรียกมาสอบสวน หากคนใดทำซื้อไปผิดวัตถุประสงค์ จะดำเนินคดีตามกฎหมาย

“ตำรวจต้องบริหารคดีด้วยความเที่ยงตรง ถ้าจะเอาผิดเขา จะต้องให้มีความชัดเจน วันนี้สังคมอาจจะตัดสินไปแล้ว แต่ในตัวส่วนพนักงานสอบสวนเอง การดำเนินคดีอาญาต้องมีหลักฐาน และมีหลักฐานอยู่หลายจุดที่เราต้องรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด เพื่อส่งให้อัยการ หากอัยการเห็นว่า สำนวนยังขาดก็ต้องทำเพิ่ม เพื่อให้เกิดความชัดเจน เพื่อให้ศาลพิพากษาลงโทษให้ได้ สำหรับคดีนี้ทาง ผบ.ตร. ได้ให้กองปราบฯ รวบรวมทำคดี เพื่อรวบรวมยื่นฟ้องศาลอาญาเพียงศาลเดียว เพื่อชี้ให้ศาลเห็นถึงความเชื่อมโยงการเสียชีวิตของแต่ละคดี” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว.