เมื่อวันที่ 5 พ.ค. นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงจำนวนบัตรเลือกตั้งและการสำรองบัตร ว่าหลักการในการพิมพ์บัตรเลือกตั้ง คือ ต้องมีบัตรเพียงพอสำหรับผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ไม่ว่าจะมีเหตุหรือกรณีใดๆ ทั้งนี้ การเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค. 66 มีผู้ใช้สิทธิภายหลังมีการเพิ่มชื่อและถอนชื่อแล้ว จำนวน 52,239,354 คน บัตรที่พิมพ์ จำนวน 57,200,000 บัตร (2,860,000 เล่ม/เล่มละ 20 บัตร) จึงมีบัตรสำรองเพื่อใช้ประโยชน์ในการเลือกตั้ง จำนวน 4,960,646 บัตร

บัตรที่สำรอง 4 ล้านกว่าฉบับดังกล่าว นำไปใช้ประโยชน์เพื่อ 1.แจกจ่ายให้ทุกหน่วยเลือกตั้ง สำรอง 1 เล่ม เพราะการจ่ายบัตรจ่ายเป็นเล่มไม่ได้จ่ายเป็นฉบับ หน่วยเลือกตั้งมีอยู่ประมาณ (หน่วยปกติและหน่วยพิเศษสำหรับผู้พิการและทุพลภาพ) 100,000 หน่วย ใช้บัตรไปเพื่อการนี้ จำนวน 2,000,000 บัตร 2.สำรองให้แต่ละหน่วยเลือกตั้ง สำหรับ กรรมการประจำหน่วย (กปน.) ที่สามารถเพิ่มชื่อลงคะแนนในหน่วยที่ตนเองปฏิบัติหน้าที่ ในวันเลือกตั้งได้ ซึ่งมีจำนวนหน่วยละ 9 คนสำหรับหน่วยปกติ (ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่เกิน 800 คน) และบางหน่วยอาจมี กปน.มากกว่า 9 คน ถ้าในหน่วยนั้นมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งเกิน 800 คน โดยที่เกินมาทุก 100 คน จะมี กปน. เพิ่มได้อีกหน่วยละ 1 คน ซึ่งบางหน่วยมี กปน. ถึง 15 คน ก็มี หรือ กปน.

สำหรับหน่วยพิเศษสำหรับผู้พิการหรือทุพลภาพ มี กปน. หน่วยละ 12 คน และทุกหน่วยเลือกตั้งยังมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอีก หน่วยละ 2 คน ซึ่งมีประมาณ 100,000 หน่วย ใช้ไปเพื่อการนี้จำนวน 2,000,000 บัตร

3.เหลืออีก 9 แสนกว่าบัตร ส่วนหนึ่งใช้ลักษณะเดียวกันสำหรับการเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 7 พ.ค. 66 และการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร 4.ที่เหลือจากข้อ 3 นำมาสำรองสำหรับกรณีมีเหตุฉุกเฉินและจำเป็น เช่น กรณีเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรที่ซูดาน ที่มีเหตุจลาจล ไม่อาจจัดการเลือกตั้งได้ มีผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิ 94 คน จ่ายบัตรเต็มเล่มไป 5 เล่ม 100 บัตร เมื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งกลับมาเมืองไทยก็ต้องจัดสรรบัตรสำรองให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสำหรับบุคคลดังกล่าวได้ออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค. เป็นต้น