ถือเป็นอีกหนึ่งข่าวเศร้าของคนในวงการบันเทิงหลังล่าสุดศิลปินแห่งชาติคนดัง ครูชลธี ธารทอง ได้จากไปอย่างสงบ หลังก่อนหน้านี้เข้าโรงพยาบาลด้วยโรคแทรกซ้อนจากการติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งรักษามานานและมีอาการดีขึ้นสลับกับทรุดอยู่ตลอด ก่อนจะเสียชีวิตท่ามกลางความเสียใจและอาลัยของคนไทยทั้งประเทศและลูกศิษย์คนใกล้ชิดของครูชลธี ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

“เดลินิวส์ออนไลน์” จึงขอเปิดประวัติของศิลปินแห่งชาติคนดังที่ได้ฉายา “เทวดาเพลง” ในใจแฟนๆและคนไทยทั้งประเทศให้ทุกคนได้ระลึกถึงครูชลธีด้วยกัน

ชลธี ธารทอง มีชื่อจริงว่า สมนึก ทองมา เกิดเมื่อ 31 สิงหาคมพ.ศ. 2480 ที่ จ.ชลบุรี พ่อมีอาชีพรับจ้างเร่ร่อนไปทั่ว แม่เจ็บท้องคลอดตอนกำลังเกี่ยวข้าว และตกเลือดตายตั้งแต่อายุ 6 เดือน ตอนเขาเกิด แม้แต่ผ้าขี้ริ้วที่จะนำมาทำผ้าอ้อมก็ยังไม่มี ชีวิตในวัยเด็กนั้นยากจน ชลธีเข้าเรียนชั้นประถม 1 ที่โรงเรียนวัดแก้วศิลาราม ที่ชลบุรี มาต่อชั้นประถม 4 ที่โรงเรียนวัดโคกขี้หนอน ที่ชลบุรี จบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนประชาสงเคราะห์ อ.พานทอง จ.ชลบุรี จากนั้นก็ย้ายมาอยู่กับญาติที่ราชบุรี เขาเคยผ่านงานมาหลากหลาย ทั้งทำนา ทำไร่ ขุดดิน เผาถ่าน ช่างไม้ ก่อสร้าง นักมวยลิเกนักพากย์หนัง หางเครื่อง กรรมกร และนักร้อง ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่ อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี

ทั้งนี้ ชลธีสนใจการร้องเพลงลูกทุ่งมาตั้งแต่เล็ก และเคยเป็นนักร้องเพลงเชียร์รำวงของวงดาวทอง เชียร์รำวงชื่อ ดังอีกวงของยุคนั้น ต่อมาสมัครเข้าเป็นนักร้องในวงดนตรีของสุรพล สมบัติเจริญ​ ราชาเพลงลูกทุ่งไทย และได้ขึ้นเวที ในวันที่มาสมัคร แต่เนื่องจากไม่มีที่พักในกรุงเทพฯ ต้องเดินทางไปกลับต่างจังหวัด (ราชบุรี) ขณะเดียวกันก็ไม่ชำนาญเส้นทางในกรุงเทพ จึงมาเข้าวงสายตลอด 3 วันถัดมา จึงถูกไล่ออก จากนั้นก็มีผู้ชักชวนให้มาอยู่กับวงลิเก และพากย์หนัง ก่อนจะบวช หลังจากสึกก็มาเป็นหางเครื่องอยู่กับวง เทียนชัย สมญาประเสริฐ ที่มีนักร้องดังอย่าง ผ่องศรี วรนุช ซึ่งเป็นภรรยารวมอยู่ด้วย แต่ลาออกจากวงเพราะถูกกล่าวหาว่าขโมยทองของนักร้องในวงระหว่างที่รถของคณะเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำ

ต่อมาชลธีได้สมัครประกวดร้องเพลงที่จัดโดยวงรวมดาวกระจายของครูสำเนียง ม่วงทองโดยใช้เพลงที่เขาแต่งขึ้นเอง ซึ่งเขาก็ชนะ และครูสำเนียงรับให้มาอยู่ร่วมคณะ แต่ไม่ได้ขึ้นร้องเพราะนักร้องเต็ม และครูสำเนียงเป็นคนตั้งชื่อให้เขาว่า ชลธี ธารทอง เพราะเป็นคนเมืองชลฯ หลังจากอยู่มาปีครึ่ง ชลธี จึงได้ขึ้นร้องเพลง และต่อมาได้อัดแผ่นเสียงรวม 4 เพลง แต่ไม่ดังสักเพลง ระหว่างนั้น ถ้ามีเวลาว่าง เขาก็ ได้ศึกษาวิชาแต่งเพลงอย่างเป็นกิจจะลักษณะจากครูสำเนียง และก็ได้นำความรู้ความสามารถในการเขียนโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน มาใช้ในการแต่งเพลง ระหว่างที่อยู่วงรวมดาวนี้เองที่เพลง “พอหรือยัง” ของชลธี ถูกศรคีรี ศรีประจวบนำไปร้องจนประสบความสำเร็จ แต่ไม่มีใครเชื่อว่าเขาเป็นคนแต่ง เพราะเพลงนี้เกิดขึ้นหลังจากที่เขาไปหลงรักสาวร่วมคณะรวมดาวกระจาย และก็อกหัก เลยแต่งเพลงนี้นำมาร้องแก้กลุ้ม พอดีมีนักร้องชายในวงอีกคนเกิดชอบ ก็มาขอไปร้องบนเวที ต่อมานักร้องคนนั้นโดนไล่ออก และได้ไปอยู่กับวงศรคีรี และเมื่อศรคีรีได้ยินเพลงนี้จึงถามว่าใครแต่ง นักร้องคนนั้นได้บอกว่าเขาแต่งเอง ศรคีรีจึงขอเอามาอัดแผ่นเสียงโดยใช้ชื่อคนแต่งว่าศรคีรี เมื่อชลธี ธารทอง ออกมา ทักท้วง ศรคีรี ก็ได้มาอธิบายจนเป็นที่เข้าใจกันทุกฝ่าย

นอกจากนี้ตอนที่อยู่กับวงรวมดาวกระจาย ชลธีมีโอกาสบันทึกเสียง 4 เพลง แต่ไม่ดังสักเพลง ต่อมาชลธี ถูกไล่ออกจากวงรวมดาว ในข้อกล่าวหาดังแล้วแยกวง ซึ่งไม่เป็นความจริง จากนั้นก็มีนายทุนออกเงินตั้งวงให้ ชื่อวง “สุรพัฒน์” แต่ก็ไปไม่รอด ขณะที่เพลงของเขาก็ขายไม่ค่อยได้เพราะคนไม่รู้จักชื่อเสียง ก็พอดีกับศรคีรีมาขอให้ช่วยแต่งเพลงให้ แต่พอเขาแต่งเพลงชุดนั้นเสร็จ ศรคีรีก็มาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตเสียก่อน ชลธีจึงตัดสินใจหันหลังให้วงการเพลง และหอบครอบครัวไปช่วยพ่อตาแม่ยายทำไร่ข้าวโพดที่แก่งเสือเต้น แต่ก่อนจะไปจากกรุงเทพฯ เขาบังเอิญไปพบกับเด็กล้างรถที่ปั้มน้ำมันแห่งหนึ่งแถวบุคคโล ซึ่งมีเสียงถูกใจจึงได้มอบเพลง 2 เพลงที่กะจะให้ศรคีรีกับเด็กคนนั้นไปโดยไม่คิดเงิน ต่อมาเด็กคนนั้นก็คือสายัณห์ สัญญา ที่โด่งดังจากเพลง”ลูกสาวผู้การ” และ “แหม่มปลาร้า”ที่เขามอบให้ในวันนั้น

เมื่อสายัณห์โด่งดัง เขาจึงถูกมนต์ เมืองเหนือเรียกตัวกลับกรุงเทพเพื่อให้มาแต่งเพลง ทำให้ลูกศิษย์คนต่อมาของเขาก็คือ เสกศักดิ์ ภู่กันทอง​ โด่งดังจากเพลง”ทหารอากาศขาดรัก” จากนั้นชลธีก็ตั้งหน้าตั้งตาผลิตผลงานและสรรหานักร้องคุณภาพออกมาประดับวงการอยู่เนืองๆ จนประสบความสำเร็จอย่างมาก และในที่สุดก็ได้รับฉายาจาก “ยิ่งยง สะเด็ดยาด” คอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ดังว่า ” เทวดาเพลง “

ทั้งนี้ ชลธี ธารทองเคยหันมาจับธุรกิจทำวงดนตรีลูกทุ่ง โดยทำวงให้กับ สุริยัน ส่องแสง แต่ปรากฏว่า นักร้องนำถูกยิงตายเสียก่อน เขาเลยต้องเป็นหนี้ยกใหญ่ บทเพลงของชลธี ธารทองมีจุดเด่นในการเลือกสรรถ้อยคำในลักษณะของกวีนิพนธ์มาใช้ในการแต่งเพลง เนื้อหามีสาระส่งเสริมคุณค่าวิถีชีวิตไทย ท่วงทำนองเพลงมีความไพเราะตรึงใจผู้ฟัง บทเพลงมีความดีเด่นในศิลปะการประพันธ์ที่ใช้ฉันทลักษณ์หลายรูปแบบ เป็นนักแต่งเพลงที่แต่งทั้งคำร้องและทำนองเพลงเอง ผลงานเพลงล้วนแต่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของนักฟังเพลง สร้างนักร้องลูกทุ่งให้มีชื่อเสียงเป็นจำนวนมากอาทิ สายัณห์ สัญญา, ยอดรัก สลักใจ, ก๊อต จักรพันธ์, ศรเพชร ศรสุพรรณ, สดใส รุ่งโพธิ์ทอง, เสรีย์ รุ่งสว่าง, เอกพจน์ วงศ์นาค, แอ๊ด คาราบาว, มนต์สิทธิ์ คำสร้อย, ดำรง วงศ์ทอง เป็นต้น

ด้านผลงานเพลงของครูชลธีนั้นมีมากมายมากกว่า 2,000 เพลง อาทิ

  • พอหรือยัง (สายัณห์ สัญญา)
  • จำปาลืมต้น (สายัณห์ สัญญา)
  • ไอ้หนุ่มรถไถ (สายัณห์ สัญญา)
  • วานนี้รักวันนี้ลืม (สายัณห์ สัญญา)
  • คาถามัดใจ (สายัณห์ สัญญา)
  • ปิดห้องร้องไห้ (สายัณห์ สัญญา)
  • นางฟ้ายังอาย (สายัณห์ สัญญา)
  • พบรักปากน้ำโพ (สายัณห์ สัญญา)
  • คำสั่งเตรียมพร้อม (สายัณห์ สัญญา)
  • คนซื่อที่ไร้ความหมาย (สายัณห์ สัญญา)
  • ทหารอากาศขาดรัก (สายัณห์ สัญญา)
  • ฝากใจไว้ที่เดือน (สายัณห์ สัญญา)
  • นักเพลงคนจน (สายัณห์ สัญญา)
  • แหม่มปลาร้า (สายัณห์ สัญญา)
  • ยินดีรับเดน (สายัณห์ สัญญา)
  • รักทรมาน (สายัณห์ สัญญา)
  • น้ำตาอีสาน (สายัณห์ สัญญา)
  • ลูกสาวผู้การ (สายัณห์ สัญญา)
  • กินอะไรถึงสวย (สายัณห์ สัญญา)
  • ของขวัญจากแฟน (สายัณห์ สัญญา)
  • ล่องเรือหารัก (สายัณห์ สัญญา)
  • ไอ้หนุ่มตังเก (สายัณห์ สัญญา)
  • ของขวัญให้แฟน (สายัณห์ สัญญา)
  • ของขวัญคนจน (สายัณห์ สัญญา)
  • เทพธิดาผ้าซิ่น (เสรีย์ รุ่งสว่าง)
  • จดหมายจากแม่ (เสรีย์ รุ่งสว่าง)
  • หนุ่มทุ่งกระโจมทอง (เสรีย์ รุ่งสว่าง)
  • ร้องเพลงเพื่อแม่ (เสรีย์ รุ่งสว่าง)
  • คนกล่อมโลก (เสรีย์ รุ่งสว่าง)
  • กอดแก้จน (เสรีย์ รุ่งสว่าง)
  • ยินดีรับเดน (เสรีย์ รุ่งสว่าง)
  • รักอันตราย (เสรีย์ รุ่งสว่าง)
  • ไอ้หนุ่มรถซุง (เสรีย์ รุ่งสว่าง)
  • เรียกพี่ได้ไหม (เสรีย์ รุ่งสว่าง)
  • ปิ๊กบ้านเฮาเต๊อะ (เสรีย์ รุ่งสว่าง)
  • จดหมายจากแนวหน้า (ยอดรัก สลักใจ) เป็นต้น

ขอขอบคุณข้อมูลจาก วิกิพีเดีย