“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ได้เปิดเผยผลสำรวจในเดือน เม.ย. 66 ดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือน ถูกกดให้ปรับตัวลดลงต่ำสุดในรอบ 5 เดือนที่ 34.5 จาก 35.8 ในเดือน มี.ค. 66 ขณะที่ดัชนีฯ 3 เดือนข้างหน้ายังคงทรงตัว จากสภาพแวดล้อมของต้นทุนการครองชีพที่ยังอยู่ในระดับสูงในขณะนี้ ถึงแม้อัตราเงินเฟ้อไทยจะปรับลดต่ำสุดในรอบ 16 เดือนที่ 2.67% แต่ครัวเรือนก็ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับราคาพลังงาน โดยเฉพาะค่าไฟฟ้าในงวดเดือน พ.ค.-ส.ค. 66 ที่แม้ปรับลงจากงวดเดือนก่อนหน้าที่ 4.70 บาทต่อหน่วย แต่ยังคงอยู่ในระดับสูง

ทั้งนี้ ครัวเรือนยังคงรู้สึกถึงผลกระทบของค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น ท่ามกลางปริมาณการใช้ไฟที่เพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศที่ร้อน ซึ่งในเดือน พ.ค. 66 ภาครัฐก็ได้มีมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นให้ได้รับส่วนลด แต่มาตรการดังกล่าวถูกปรับใช้กับเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เนื่องด้วยข้อจำกัดของงบประมาณ

นอกจากนี้ การสำรวจเพิ่มเติมของศูนย์วิจัยกสิกรไทย เกี่ยวกับระดับความกังวลต่อเงินเฟ้อของครัวเรือนในขณะนี้พบว่า ครัวเรือนเกินครึ่งหนึ่ง 58.8% มีความกังวลมากเนื่องจากมีผลต่อการใช้จ่าย รายได้และการออม ขณะที่ครัวเรือนอีกเกือบ 1 ใน 3 หรือ 30.3% ยังมีความกังวล เนื่องจากแม้มีผลกระทบต่อค่าใช้จ่าย แต่คาดว่าเงินเฟ้อจะมีทิศทางลดลง และครัวเรือนที่เหลือ 10.9% ไม่ค่อยมีความกังวล เนื่องจากมองว่าเงินเฟ้อได้ชะลอลงแล้วและคาดว่าภาครัฐจะสามารถจัดการได้

ขณะเดียวกันต้นทุนทางเงินที่เพิ่มขึ้นตามทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ก็ยังเป็นปัจจัยที่สร้างความกังวลให้แก่ครัวเรือนอย่างต่อเนื่อง ถึงภาระในการชำระหนี้เมื่อดอกเบี้ยเงินกู้รายย่อยปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งในการประชุม กนง. เดือน พ.ค. นี้ยังมีความเป็นไปได้ที่ กนง. จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 1 ครั้ง ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะอยู่ที่ 2% ต่อปี

ขณะที่พฤติกรรมของครัวเรือนช่วงดอกเบี้ยขาขึ้นพบว่า ครัวเรือนส่วนใหญ่ 76.5% ได้มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมโดยงดการใช้จ่ายสินค้าฟุ่มเฟือยถึง 71% และยังมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในรูปแบบอื่น ๆ ได้แก่ ลดการบริโภค 25.4% ชะลอการก่อหนี้หรือซื้อของที่มีมูลค่าสูง เช่น บ้าน รถยนต์ 21.2% หารายได้ทำงานมากขึ้น 14.8% นำเงินเก็บออกมาใช้ 14.4% และกู้เงินจากแหล่งอื่น 7.8%

“การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว จะยังสร้างมุมมองที่ดีเกี่ยวกับรายได้และการจ้างงานของครัวเรือนได้ แต่ก็อาจไม่เพียงพอให้ดัชนีสามารถกลับมาฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งในระยะอันสั้น เนื่องจากยังมีหลายปัจจัยที่กดดันครัวเรือน ที่โดยเฉพาะต้นทุนการครองชีพ ทั้งทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อไทยในระยะต่อไป ที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังมีมุมมองว่า จะยังมีแนวโน้มต้องเผชิญกับแรงกดดันจากค่าไฟฟ้าและก๊าซหุงต้มที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงยังคงต้องติดตามการส่งผ่านราคาของผู้ผลิตไปยังผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับยังมีความไม่แน่นอนจากทิศทางเศรษฐกิจโลก รวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยหลังการเลือกตั้ง”