เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 14 พ.ค. พ.ต.อ.อติเมธ พลมุข ผกก.สภ.กุดจับ จ.อุดรธานี ได้รับรายงานจาก ร.ต.ท.ชาลี บุญประคม รอง สวป.สภ.กุดจับ ปฎิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยประจำหน่วยเลือกตั้งที่ 6 เขตเลือกตั้งที่ 9 หมู่ 2 บ้านหัวขัว ต.เมืองเพีย อ.กุดจับ จ.อุดรธานี ว่า ได้มีผู้มาลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ส.ส.ฉีกบัตรเลือกตั้ง จึงรุดไปตรวจสอบ พบเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว นายสมพงษ์ วงศ์โคกสูง อาย 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2 หมู่ 2 ต.เมืองเพีย อ.กุดจับ จ.อุดรธานี ฉีกบัตรเลือกตั้งสีม่วง เลือก ส.ส.แบบแบ่งเขต โดยให้การรับสารภาพว่าฉีกบัตรเลือกตั้งสีม่วงจริง จึงควบคุมตัวไปโรงพัก นำส่งพนักงานสอบสวน พ.ต.ท.องอาจ ปลัดขวา รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.กุดจับ ทำการสอบสวนดำเนินคดี

จากการสอบสวน นายสมพงษ์ให้การรับสารภาพว่า ตนสายตาไม่ดีได้ฉีกบัตรเลือกตั้งสีม่วง เลือก ส.ส.แบบแบ่งเขตจริง โดยเดินทางมาใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส. เพราะรีบไปดูที่นา เมื่อได้บัตรมา 2 ใบ สีม่วงกับสีเขียว ตนเข้าคูหากาบัตรสีเขียว พอจะกาบัตรสีม่วงกลับไม่มีเบอร์ที่ตนจะกา เนื่องจากตนจำสลับกันระหว่างสีม่วงกับสีเขียว ตนจึงฉีกบัตรสีม่วงกำเอาไว้ในมือ แล้วเดินไปหย่อนบัตรสีเขียว เสร็จแล้วเดินไปขอบัตรใหม่จากกรรมการ แต่กรรมการประจำหน่วยบอกว่า ตนทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง จึงเอาบัตรเลือกตั้งที่ตนฉีกหย่อนในหีบ ยืนยันไม่ได้ตั้งใจทำผิดกฎหมายของการเลือกตั้ง เนื่องจากไม่รู้จริงๆ

ส่วน ร.ต.ท.ชาลี บุญประคม รอง สวป.สภ.กุดจับ ปฎิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยประจำหน่วยเลือกตั้งที่ 6 หมู่ 2 บ้านหัวขัว ต.เมืองเพีย อ.กุดจับ จ.อุดรธานี เล่าว่า นายสมพงษ์ เดินทางมานั่งรอที่หน่วยเลือกตั้ง เพราะว่าจะรีบไปธุระ เมื่อได้บัตร 2 ใบ ก็เข้าคูหาไปกา แต่หย่อนบัตรสีเขียวลงหีบ ส่วนบัตรสีม่วงไม่ได้หย่อน และบอกว่าฉีกบัตรแล้ว ขอบัตรใหม่ เพราะจำสับสนกัน ซึ่งการกระทำดังกล่าวผิดกฎหมายเลือกตั้ง จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน

พ.ต.ท.องอาจ ปลัดขวา รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.กุดจับ จึงแจ้งข้อหา ผิดมาตรา 144  ผู้ใดจงใจกระทำด้วยประการใดๆ ให้บัตรเลือกตั้งชำรุด หรือเสียหาย เพื่อให้เป็นบัตรเสีย หรือกระทำด้วยประการใดๆ แก่บัตรเสียเพื่อให้เป็นบัตรที่ใช้ได้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 1 แสนบาท และให้ศาลสั่งเบิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้น มีกำหนด 10 ปี ถ้าผู้กระทำความผิด ตามวรรคหนึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้น มีกำหนด 20 ปี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป