เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 15 พ.ค. ที่บริเวณด้านหน้าร้านกาแฟชาวดอย อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กรุงเทพฯ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นัดหมายผู้สมัคร (ส.ส.แบบแบ่งเขต และ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ) รวมพลเพื่อเตรียมทำกิจกรรมปราศรัย ณ ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เสาชิงช้า นอกจากนี้ ยังมีบรรดาสมาชิกพรรคก้าวไกล ต่างตบเท้าทยอยมายังท้องถนนด้านหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย อาทิ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล นายปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขต เบอร์ 5 พรรคก้าวไกล และว่าที่ ส.ส.กทม. เขต 1 นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.พรรคก้าวไกล ไอซ์-รักชนก ศรีนอก ว่าที่ ส.ส.กทม.เขตที่ 28 และกาย-ณัฐชา บุญไชยอินทร์สวัสดิ์ รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล เป็นต้น

นายรังสิมันต์ โรม ก้าวขึ้นรถขยายเสียงก่อนจับไมค์กล่าวว่า ประเทศของเราเป็นประชาธิปไตย แต่เจออุปสรรคต่างๆ พวกเขาพยายามยึดอำนาจจากประชาชนซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดนรัฐประหารมาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง และจากการรัฐประหารมันกลายเป็นความหวาดกลัวที่กัดกินประเทศของเรามาตลอด ทำให้นักการเมืองจำนวนมากหวาดกลัวที่จะถูกยึดอำนาจ ทำให้นักการเมืองหวั่นกลัวที่จะมีนโยบายที่จะแก้ปัญหา อย่างพรรคก้าวไกลเราได้ฉันทามติจากพี่น้องประชาชน ดังนั้น สิ่งที่พรรคก้าวไกลเราได้สัญญาเอาไว้กับพี่น้อง เราจะทำให้ประชาธิปไตยเกิดขึ้นอย่างแท้จริงในประเทศนี้ (มวลชนต่างส่งเสียงเชียร์ดีใจ)

นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่เราต้องทำต่อไปจากวันนี้ เรามีนโยบายของพรรคกว่า 300 นโยบาย และนโยบายเหล่านี้ คือ นโยบายที่เรารวบรวมมาจากพี่น้องประชาชนและการทำงานตลอด 4 ปีที่ผ่านมา นโยบายเหล่านี้เราแบ่งออกเป็นตั้งแต่การจะแก้ปัญหาในช่วง 100 วันแรก 1 ปีแรก และ 4 ปีที่เหลือ

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ประชาชนที่มารับฟังและพร้อมจะเจอนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 แล้วหรือยัง สำหรับตน วันนี้ค่อนข้างมีความหมาย การได้มาพบปะพี่น้องในพื้นที่ที่ไม่ใช่พรรคก้าวไกล ถือเป็นการพบปะพี่น้องในพื้นที่สาธารณะ และเราเลือกที่จะมาเจอพี่น้องที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มันมีความหมายเพราะด้านหลังของเรามันคือสัญลักษณ์แห่งประวัติศาสตร์ที่เราได้เปลี่ยนแปลงการปกครอง และต่อไปที่เราจะทำก็คือการทำให้การเปลี่ยนแปลงการปกครองมันสามารถเกิดขึ้นได้อย่างบริบูรณ์ตามความฝันของคณะราษฎร คือ การทำให้พี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน เป็นผู้มีอำนาจอย่างแท้จริง

“สัญญาว่าเราจะเป็นพรรคการเมืองของพี่น้องทุกคนทุกกลุ่ม ไม่ได้เป็นของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และเราจะเปิดรับฟังความคิดเห็นของคนที่แม้ไม่ได้ชื่นชอบเรา แต่เรายืนหยัดปกป้องสิทธิเสรีภาพของคนที่อยู่ตรงข้ามกับเรา จะไม่นำตำรวจไปปิดปาก หมดยุคสมัยแห่งความหวาดกลัว การเมืองด้วยความหวังเกิดขึ้นแล้ว” นายรังสิมันต์ ระบุปิดท้าย

นายวิโรจน์ กล่าวว่า วันนี้ถนนโล่ง อาจจะเพราะว่าแมลงสาบได้สูญพันธุ์ไปแล้ว ตนขอบคุณที่ทุกคนถือขวดไบกอนกัน ประชาชนเหนื่อยหน่ายกับเวลา 9 ปีที่ผ่านมา ตอนนี้เริ่มผลิดอกออกผลแล้ว เห็นพรรคกัญชาปากดีมาก ตนขอให้เป็นฝ่ายค้านบ้างก็ดี หนูจะได้ไปอยู่คู่กับแมลงสาบด้วย

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากนั้น นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง และในฐานะจอมแฉชื่อดัง ได้ร่วมโดดเข้ามาในวงการปราศรัย ก่อนเข้าไปชูมือข้างหนึ่งของนายรังสิมันต์ และนายวิโรจน์ ขึ้นพร้อมกับแสดงสีหน้ายิ้มแย้มปลื้มปริ่ม เฉลิมฉลองให้กับความสำเร็จของพรรคก้าวไกล นอกจากนี้ ประชาชนต่างร่วมลงถนนพร้อมสวมเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่มีสีส้มแห่ต้อนรับนายพิธา.