ควงแขนกันออกมาเล่าเรื่องราวที่หลายคนสนใจแล้วสำหรับเรื่องของหนุ่ม เติ้ล ธนพล กับหวานใจเน็ตไอดอลสาว นิวนิว เอวเด้ง ที่ออกมาเคลียร์ชัดเดี๋ยวรัก เดี๋ยวเลิก เรื่องจริงหรือว่าหิวแสง แล้วเหตุการณ์ในวันนั้นมันเกิดอะไรขึ้น หรือว่าเติ้ลจะกลับไปติดเหล้าอีกครั้ง พร้อมเผยเรื่องราวเส้นทางความรักจับมือฝ่าฟันชีวิตคู่ ฝ่ายชายติดเหล้า ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ไบโพลาร์ ถึงขนาดฝ่ายหญิงต้องเช็ดอุจาระและปัสสาวะให้ โดยทั้งคู่มาเปิดใจผ่านทางรายการคุยแซ่บ Show แบบจัดเต็ม

นิวนิว เผยว่า “เรื่องหน้าตู้เย็นตอนแรกเราไปดูธุรกิจที่ชัยภูมิประมาณ 2 เดือน แล้วเราก็คุยกันว่าโอเคที่รักเดี๋ยวเรากลับมาบ้าน ต่างคนต่างไปดูบ้านกัน หนูดูบ้านหนูแล้วเขาก็แยกกลับบ้านไป แล้วประมาณ 2 วัน บ่าย3 เขาโทรมาว่า เดี๋ยวพี่เข้าไปรับนะ เดี๋ยวเราไปชัยภูมิกัน หนูก็แต่งตัว เก็บของรอถึงประมาณ 3 ทุ่ม ก็ไม่มีติดต่อเข้ามา โทรฯ​ ไปก็ไม่รับโทรศัพท์ ติดต่อไม่ได้ โทรฯ​ เป็น 100 สาย รับแล้วบอกว่าพี่หลับอยู่ หนูก็เลยถามว่าพี่หลับหรือว่าพี่เมา หนูก็โมโหแล้ว หนูรอตั้งแต่บ่าย​ 3 ทำไมพี่ไม่มา พี่โกหกใช่ไหม งั้นไม่ต้องวาง เขาเอารถหนูไปซ่อม หนูก็เดินจากบ้านหนูไปบ้านเขา แล้วไปกดกริ่งเรียกเขา เขาก็ไม่เปิด หนูก็เลยปีนเข้าไป แล้วหนูก็ไปเคาะหน้าบ้าน ส่องเขาก็เห็นนั่งอยู่หน้าตู้เย็นที่ที่เคยนั่ง แล้วหนูก็รู้สึกโมโหมาก หนูก็เลยเดินอ้อมไปข้างบ้าน แล้วเตะกระจกนิรภัยเขาแตกครั้งเดียวเลย เรามุดกระจกเข้าไป เขานั่งอยู่ เราก็บอกว่าเปิดประตูอีกไหม ถ้าไม่เปิดหนูเตะอีกนะ เขาก็เลยเปิด หนูก็เลยค้นหาว่ากินอะไรบ้าง แต่ก็ไม่เจอ หนูก็เลยถามพี่กินอะไรเข้าไปทำไมสภาพเป็นแบบนี้ เขาบอกหนูว่าเขาง่วงนอน เขากินยาประจำตัวเขาที่เขาเป็นโรค พอกินเข้าไปในก็รู้สึกมึนๆ คลายเครียดก็จะทำให้หลับไปอะไรประมาณนี้”

“ตอนนั้นหนูมาด้วยความเป็นห่วงเขา แล้วก็พอเห็นเนี่ยใจนึงหนูโมโหเลยว่า ไหนเราสัญญากันแล้วว่าพี่จะไม่มานั่งตรงนี้อีก กว่าหนูจะเอาพี่ออกจากตรงนี้ได้หนูใช้เวลานานมาก คือแต่ก่อนตอนที่เขาเป็นซึมเศร้า เป็นไบโพลาร์ เขาจะอยู่ตรงนี้ นั่งตรงนี้หลายปีมาก หนูเป็นเพื่อนบ้านใช่ไหม หนูบอกพี่เราไปห้างกันไหม เขาบอกไม่ไป ไปเจอคนไหม ไม่ไป ไม่อยากเจอคน ไม่อยากสังคม ไม่เอาอะไรเลย จนหนูค่อยๆ พยายามทำทุกอย่าง พาเขาไปเที่ยว พาเขาออกมาจากตรงนั้น เพื่อให้จิตใจเขาดีขึ้น แล้วเราสัญญากันไว้ว่าเราจะไม่กลับไปตรงนี้อีก แล้วเขาก็สัญญากับหนูว่าพี่จะไม่กลับไปนั่งตรงนั้นอีก วันนั้นยังไม่ได้เลิกยังๆ ไม่ได้คุยกัน เพราะเขาคุยไม่รู้เรื่องแล้ว”

“จากเหตุการณ์นี้นะ สิ่งที่ได้เรียนรู้คือหนูต้องใจเย็นมากกว่านี้ แต่ตอนที่หนูอยู่กับพี่เติ้ล โรคของเขาหนูจะใช้ความใจเย็นและการพูดดีๆ กับเขาอยู่แล้วว่าบางทีเขาขึ้นมา หนูก็จะแบบว่าที่รักใจเย็นๆ นะ เดี๋ยวฟังหนูก่อนนะ แต่ครั้งนี้สอนให้หนูรู้ว่าหนูควรนั่งรออยู่บ้านก่อน รอให้เราทั้งสองคนใจเย็นก่อนแล้วเราค่อยคุยกัน ไม่งั้นมันจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก จริงๆ เราสองคนรู้ดีว่าเรารักกันหรือไม่รักกัน และเราดูแลกันแค่ไหน เราไม่สามารถไปพูดให้คนอื่นรู้ว่าเราดูแลกันแค่ไหน จริงๆ หนูไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้หรอก แล้วอีกอย่างหนูคงไม่เอาขาหนูไปแลกกับกระจกนิรภัยหรอกถ้าหนูไม่เป็นห่วงเขา เรื่องรักของเรานั้นถามว่าใครจีบใครก่อน คือพอเจอกันครั้งนั้นเราไม่ได้เจอกันอีกเลย หนูไม่เคยไปตามเขาอีกเลย แค่เห็นแล้วรู้สึกว่าฉันรักเขาก็แค่นั้น จนผ่านมาประมาณเกือบ 2 ปี เรามาเจอกันที่งานบวงสรวง มั่ง มี ศรี ศพ แล้วตอนนั้นหนูก็เลิกกับแฟนเก่าไปแล้ว แล้วเรามาเจอกันในซีรีส์ไม่ได้จีบเลย เขาบอกว่าถ่ายรูปแล้ว เดี๋ยวส่งไปใน DM แล้วประมาณ 3 เดือนตอบหนูมาคำเดียวว่าครับ แล้วเขาคงมาดูในไอจีหนูว่าประวัติเป็นยังไง คือหนูเลิกกับคนเก่าไปนานแล้ว แต่หนูไม่เคยลบรูป เขาก็มาถามว่าแฟนอยู่ไหน เขาคงสืบมาอะไรประมาณนี้ จนเขาแน่ใจว่ามันเลิกแล้วจริงๆ  เขาก็เลยคุย บ้านอยู่ไหน อยู่ตรงนี้ เขาบอกว่า อ่าว…อยู่ใกล้กันเลย หนูเพิ่งไปซื้อบ้านใหม่ด้วยนะคะ”

เติ้ล เผยว่า “เรื่องหน้าตู้เย็น วันนั้น 2 วันแล้วเรากลับมา ก็เหมือนกันต่างคนต่างแยกย้ายกันไปดูบ้าน ผมทำงานบ้าน จัดบ้าน ทำความสะอาดบ้านเรียบร้อยก็ง่วง นั่งดูหน้าทีวีรู้สึกง่วงก็กินยาคลายเครียด ต้องบอกก่อนว่าแต่ก่อนผมเคยกิน แต่ผมเลิก เพราะผมคิดว่าสมองส่วนกลางผมถูกทำลาย ก็หาคุณหมอบอกว่าจะไม่ใช้อีกแล้ว จะใช้การออกกำลังกายเป็นการรักษา หลังจากวันนั้นกลับมารู้สึกว่าง่วงนอนก็เลยกินสักหน่อย กินให้ช่วยหลับ มันมีสภาวะความเครียดหลายๆ เรื่องเข้ามาในตัว แล้วเราอยากชัตดาวน์ด้วย อยากพักผ่อน ด้วย 0.5 มิลลิกรัม ปริมาณมันนิดเดียวก็เลยกินเข้าไป 4 โมงเราก็หลับไป เราก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์แล้วล่ะ แต่ก็วางไม่สนใจ จนตัดสินใจรับแล้วพูดว่าหลับอยู่ มึงอยู่ไหน อยู่บ้าน มึงทำอะไร นอน เขาก็เริ่มที่จะมีอารมณ์ นอนพี่นอนอยู่จริงๆ เขาบอกไม่ต้องวางเดี๋ยวไป ที่นั่งหน้าตู้เย็น มันมีหลายเหตุการณ์ แต่ก่อนเราเคยมีแม่บ้าน เราอยากได้อะไรก็เรียกเขา พอวันนึงไม่มีเขาอยู่ เหลือแต่เติ้ลละ เติ้ลก็เลยต้องนั่งข้างตู้อยากกินอะไรก็หันไปหยิบ แล้วมันเหมือนเป็นเซฟโซน และผมไม่เมา ผมสาบานได้เลยตั้งแต่วันที่ผมมาออกรายการวันนั้น ตั้งแต่เข้าโรงพยาบาลผมไม่เคยแตะแอลกอฮอล์อีกเลย ที่วันนั้นนั่งหน้าตู้เย็นเพราะยา แล้วง่วง เมายาง่วงหลับ ใครมาพูดอะไรก็ครับ ง่วง”

“เรื่องคนมองเดี๋ยวรักเดี๋ยวเลิกคนมองหิวแสง นั่นคือสิ่งที่ผมกลัวมากกับคำถามนี้ตลอดทั้งชีวิต เพราะว่า 37 ปีที่ผ่านมา ผมไม่เคยเปิดตัวเลย ไม่เคยมีข่าวเรื่องผู้หญิง เพราะผมกลัวเรื่องแบบนี้มาก กลัวเรื่องรักๆ เลิกๆ ทะเลาะกันผ่านโซเชียลให้คนอื่น แฟนคลับทั้งสองคนรู้ แล้วให้มาเกลียด ให้มาทะเลาะกัน ผมเป็นคนที่กลัวข้อนี้มาก ทุกวันนี้ยังมีด้วยเหรอเรตติ้ง ไม่รู้มันเป็นยังไง ถ้าทำนะ แต่ไม่ได้หวังเรตติ้งอะไรเลย ไม่ได้ทำเพราะเกี่ยวกับเรตติ้ง จริงๆ มันคือเรื่องจริง ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นด้วยซ้ำ สิ่งที่เกิดขึ้นทุกคนอาจจะฟังแล้วมันดูตลกในการเล่า แต่พอเวลามันเป็นเรื่องจริงขึ้นมาแล้วเนี่ย มันเป็นเรื่องที่มันน่ากลัว มันไม่สนุกเลยครับ”

“เอาจริงๆ​ มีตอนที่ผมใช้ยารักษาเกี่ยวกับโรคสารเคมีในสมอง จนความจำในสมองเนี่ยส่วนกลางมันหายไปส่วนนึง อย่างวันนี้เราคุยกันเรื่องนี้ พอตื่นเช้าขึ้นมาเราลืมไปแล้วว่าเราคุยกันเรื่องอะไร แล้วเราจะนั่งเครียดอยู่อย่างนี้อีกครึ่งวันว่าเมื่อวานเราจะทำอะไร จนมีเขาเข้ามา แล้วเราก็เริ่มเปลี่ยน เราเป็นแบบนี้ไม่ได้แล้ว คุยกับเขาก็ไม่รู้เรื่อง คุยกับคนอื่นก็ไม่รู้เรื่อง เปลี่ยน เลิกกินยาหันมาออกกำลังกาย คนในหมู่บ้านก็หาว่าเราบ้าอีก เพราะว่าคนดีๆ ที่ไหนเขาออกมาวิ่งตอนตี​ 3 คือลำไส้มีการพองตัว มันคืออาการก่อนที่จะเป็นตับแข็ง 7 จุดนี้มันมีโอกาสที่จะระเบิดขึ้นมาได้ แต่วันที่เจอกับน้องมันระเบิดไป 3 จุด ซึ่งแล้วแต่มันจะออกมาทางไหน ทางปาก ทางจมูก ทางอุจาระ พอครั้งที่สองที่ไปทำบุญด้วยทางค่อนข้างลำบาก มันก็เริ่มซึมๆ ออกมา 3 จุดจนท้องเราพอง พอลงมามันมีอาการพะอืดพะอม มันเหมือนจะอาเจียน ก็เลยบอกให้น้องไปเอาถังขยะมาไว้ข้างๆ สักพักผมไม่ไหวก็เลยพรวดออกมาเลือดเต็มไปหมดเลย คือลำไส้มันแตก วิธีรักษาคือการเอายางไปรัดเพื่อให้มันฝ่อเท่านั้นเองครับ ไม่มีโอกาสที่จะหาย”