เมื่อวันที่ 5 ก.ย. ในโลกออนไลน์ได้มีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กส่วนตัวรายหนึ่ง โพสต์ภาพและคลิปวิดีโอพร้อมข้อความระบุว่า “ปัญหาของการเรียนออนไลน์ ที่ไม่ได้เกิดจากตัวผู้เรียน” พร้อมอธิบาย การคลิปเรียนออนไลน์ #โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในอำเภอหล่มสัก เด็กป.1 เรียนออนไลน์ต้องทำได้ขนาดไหนถึงจะพอใจ…ทำไมต้องใช้คำพูดแบบนี้..ต้องการอะไรกับเด็ก ครูก็ยังไม่….ที่จะเขียนตัวหนังสือให้ชัดเลย เด็กยังบอกตัวหนังสือครูจางมองไม่ชัด ถ้าจะนำหนังสือไปใช้ต่อมีหลายวิธีให้แก้ไขหรือควรที่จะแก้ไขด้วยการเขียนบนกระดาษอื่นด้วยปากกาหรือดินสอที่เข้มกว่านี้ก็ได้ เด็ก ป.1 จะได้ลอกตามได้ เพราะไม่ใช่เด็กทุกคนที่อ่านออกเขียนได้นะคะ บางคนอยู่กับปู่ย่าตายายที่เค้าก็ไม่ใช่ว่าจะสายตาดีกันทุกคน เด็กบางคนนั่งเรียนคนเดียวก็มี ช่วงท้ายคลิปมี “บูลลี่” เด็กอีกด้วย…

โดยคลิปดังกล่าวมีความยาวประมาณ 1 นาที 22 วินาที ดูจากคลิปแล้ว คุณครูที่สอนในคลิป อ้างว่า จำเป็นต้องประหยัด เขียนตัวหนังสือให้เข้มกว่านี้ไม่ได้ เพราะหลังสอนเสร็จก็ต้องลบออก และเก็บไว้ใช้อีกรอบ พร้อมมีประโยคเด็ดตอนท้ายว่า “…ใครฉลาดดูก้อนเมฆด้านบนเลย…”

หลังรูปภาพคลิปวิดีโอและข้อความดังกล่าว ถูกโพสต์ออกไป ปรากฏว่าเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง โดยส่วนใหญ่มองว่าวิธีการสอนของครูเป็นวิธีที่ผิดพลาด เพราะควรจะทำให้เด็กอ่านได้ชัดเจน ไม่ใช่เขียนแล้วลบออก แสดงถึงความไม่พร้อม หรือไม่มีการเตรียมตัวในการสอนเด็ก ควรจะจัดพิมพ์ตัวหนังสือใส่กระดาษเพื่อให้เกิดความชัดเจน หรือใช้โปรแกรมจัดพิมพ์ให้เด็กอ่านได้ง่าย ๆ การอ้างว่าจะต้องประหยัดลบออกแล้วเขียนใหม่ แสดงถึงความมักง่าย สมควรแจ้งเรื่องให้ฝ่ายงานเกี่ยวข้องในพื้นที่โรงเรียนปรับปรุงการเรียนการสอนเสียใหม่

ที่สำคัญการบอกว่า “ใครฉลาด…ให้ดูก้อนเมฆ….” ก็ควรจะ บอกเด็กไปตรง ๆ ให้สังเกตดูที่ก้อนเมฆจะมีคำตอบหรือข้อความที่ชัดเจนกว่าที่ครูเขียนปรากฏอยู่ ซึ่งข้อความนั้นก็ควรจะให้ชัดเจนเพื่อเด็กจะได้ฝึกอ่านเขียนได้จริง ดีกว่าการให้เด็กสงสัยในตัวหนังสือที่ไม่ชัด มองบนก้อนเมฆก็ไม่เห็น แล้วหากอ่านสะกดไม่ได้ ก็จะกลายเป็นคนโง่ไม่ฉลาดไป ถือเป็นเรื่องบูลลี่ตัวเด็กเอง มีโอกาสจะกลายเป็นการสอนให้เกิดความแตกแยก เพาะบ่มนิสัยให้เด็กให้บูลลี่เพื่อนกันเอง ถือเป็นเรื่องไม่สมควรทำเป็นอย่างมาก