เมื่อวันที่ 30 พ.ค. นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ระบุว่า ตามที่สังคมไทยเกิดกรณีถกเถียงเกี่ยวกับความเหมาะสมของผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยมีการอ้างเหตุผลที่มีลักษณะเป็นการบิดเบือนจนอาจนำไปสู่ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของสาธารณชน

สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย จึงขอเรียนข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ดังนี้
(1)ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 116 และ 117 สภาผู้แทนราษฎรมีประธานสภาคนหนึ่ง และรองประธานสภาหนึ่งคนหรือสองคน ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง จากสมาชิกตามมติของสภาและดำรงตำแหน่งจนสิ้นอายุของสภาผู้แทนราษฎร

(2)ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 119 ประธานสภาผู้แทนราษฎรมีอำนาจหน้าที่ดำเนินกิจการของสภาให้เป็นไปตามข้อบังคับของสภาและต้องวางตนเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้น การที่พรรคการเมืองบางพรรคอ้างว่าจะต้องให้คนของพรรคตนดำรงตำแหน่ง เพื่อผลักดันร่างกฎหมายสำคัญ จึงเป็นการบิดเบือน เพราะการบรรจุวาระการพิจารณาร่างกฎหมาย จะต้องเป็นไปตามลำดับของร่างกฎหมายที่ได้ยื่นต่อสภา ส่วนการเลื่อนวาระไม่อาจกระทำได้ยกเว้นเป็นมติของที่ประชุมสภา ประธานจึงไม่มีอำนาจบรรจุหรือเลื่อนวาระหรือใช้ดุลพินิจได้ตามใจชอบ

(3)ส่วนการประชุมเพื่อลงมติเลือกตั้งผู้ที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อันเป็นการประชุมรัฐสภา นั้น สามารถเสนอชื่อได้จนกว่าจะได้รับเลือก และหากรัฐสภาให้ความเห็นชอบด้วยเสียงเกิน 376 เสียงให้ผู้ใดดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว ประธานสภาผู้แทนราษฎรจะต้องนำรายชื่อนั้นขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อให้พระมหากษัตริย์ทรงมีพระบรมราชโองการแต่งตั้งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 158 จึงไม่อาจสลับเอารายชื่อบุคคลอื่นขึ้นทูลเกล้าฯ ได้ตามที่สื่อมวลชนบางสำนักนำเสนอ

โดยที่รัฐธรรมนูญมาตรา 80 บัญญัติให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานรัฐสภา จึงเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญยิ่งเพราะเป็นประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติเป็นหนึ่งในอำนาจอธิปไตยของประเทศ อันเป็นตำแหน่งที่เป็นทั้งสัญลักษณ์และหน้าตาของประเทศ ดังนั้น ผู้ที่ควรได้รับการเสนอชื่อจึงควรมีความเหมาะสมทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิ รวมทั้งต้องได้รับการยอมรับทั้งจาก ส.ส. ของพรรคการเมืองอื่น และจาก ส.ว. เพราะจะต้องทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมของทุกฝ่ายมิได้เป็นเพียงประธานของพรรคการเมืองที่เสนอชื่อเท่านั้น การเสนอชื่อผู้ดำรงตำแหน่ง จึงควรคำนึงถึงการยอมรับจากทุกฝ่าย และประโยชน์สูงสุดของประเทศ..

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก @สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย