สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 31 พ.ค. ว่า ประเทศสมาชิกในดับเบิลยูเอ็มโอ แสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการละลายของน้ำแข็ง ที่มีต่อระดับน้ำทะเล, ภัยธรรมชาติ, ระบบนิเวศ และเศรษฐกิจ กระทั่งประเทศในภูมิภาคที่อยู่ห่างไกลจากบริเวณขั้วโลก เช่น แคริบเบียน และแอฟริกา ต่างกังวลเช่นกันว่า การเปลี่ยนแปลงในหิมะภาคจะส่งผลกระทบทั่วทั้งโลก
“ปัญหาเรื่องหิมะภาคไม่ได้เป็นแค่ประเด็นร้อนสำหรับขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้เท่านั้น แต่มันเป็นปัญหาระดับโลกด้วย” นายเพตเตอรี ทาลาส เลขาธิการดับเบิลยูเอ็มโอ กล่าว
ดับเบิลยูเอ็มโอ ระบุว่า การละลายของธารน้ำแข็ง กับแผ่นน้ำแข็งแถบกรีนแลนด์และแอนตาร์กติกา มีสัดส่วนประมาณ 50% ของการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของระดับน้ำทะเล ซึ่งสิ่งนี้จะส่งผลกระทบมากขึ้น ต่อประเทศกำลังพัฒนาที่เป็นเกาะขนาดเล็ก และพื้นที่ชายฝั่งซึ่งมีประชากรหนาแน่น
The cryosphere is a top priority, given the increasing impacts of diminishing sea ice, melting glaciers, ice sheets, permafrost and snow on sea level rise, water-related hazards and water security, economies and ecosystems. #MeteoWorld ???? https://t.co/WvnTp2e4Gb pic.twitter.com/2JhYoJgg1T
— World Meteorological Organization (@WMO) May 29, 2023
ขณะเดียวกัน การละลายของชั้นดินเยือกแข็งบริเวณอาร์กติก ยังทำให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกปริมาณมากอีกด้วย เนื่องจากมันกักเก็บคาร์บอนมากกว่า 2 เท่า ของปริมาณที่มีอยู่ในชั้นบรรยากาศโลกในทุกวันนี้
ทั้งนี้ ประเทศสมาชิกในดับเบิลยูเอ็มโอกำลังประชุมหารือเกี่ยวกับแผนการต่าง ๆ เพื่อทำให้แน่ใจว่า ทุกประเทศจะได้รับการปกป้องจากระบบเตือนภัยล่วงหน้าที่ล้ำสมัย สำหรับภัยพิบัติทางอุตุนิยมวิทยาภายใน 5 ปี และเรียกร้องให้มีการเพิ่มเงินทุน สำหรับการสังเกตการณ์และการคาดการณ์ที่ประสานกันมากขึ้น ตลอดจนการแลกเปลี่ยนข้อมูล, การวิจัย และการบริการที่ดียิ่งขึ้น
นอกเหนือจากการดำเนินการตามข้อตกลงปารีส ฉบับปี 2558 และการลดการปล่อยการเรือนกระจก ดับเบิลยูเอ็มโอระบุเสริมว่า มันจำเป็นต้องมีการสังเกตการณ์ที่ดีขึ้น เพื่อติดตามระดับและความเร็วของการเปลี่ยนแปลง.
เครดิตภาพ : AFP