เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีพระดำรัสถวายพระพร เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2566 ความว่า อภิลักขิตสมัยเฉลิมพระชนมพรรษาของ สมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่ง อาตมภาพในนามคณะสงฆ์ ขอตั้งกัลยาณจิตถวายพระพร ให้ทรงบริบูรณ์ด้วยพระกำลังพรั่งพร้อม ในอันที่จะทรงทำนุบำรุงประเทศชาติ พระบวรพุทธศาสนา และสืบสานพระราชปณิธานแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ให้สถิตธำรงวัฒนาสถาวร

พสกนิกรต่างได้เห็นประจักษ์แล้วว่า สมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจ เกื้อกูลสุขประโยชน์แห่งประชาชาติไทย สนองพระบรมราโชบายของสมเด็จพระราชสวามี ด้วยความมุ่งมั่นหมั่นเพียร มีพระสติรอบคอบ ประกอบด้วยพระปัญญาอันสุขุมละเอียดอ่อน สะท้อนถึงความประณีตแห่งธรรมะในน้ำพระราชหฤทัย ทรงพระวิจารณคุณ ระมัดระวังและใคร่ครวญในพระราชหฤทัยดีแล้ว จึ่งทรงตัดสินกำหนดวิถีทางที่จะเผยพระราชจริยวัตรออกทางพระกิริยาและพระวาจา ให้อ่อนโยน สดใส และสง่างาม พอเหมาะพอควรแก่พระราชสถานะได้อย่างละเมียด ดุจดั่งอาภรณ์ประดับประดาพระเกียรติยศให้เจริญมั่นคงอยู่ในพระองค์ เสริมส่งพระบารมี ให้ยิ่งขจรขจายไพศาลในกาลทุกเมื่อ สมพระบรมพุทโธวาท ที่ว่า อุฏฺฐานวโต สติมโต สุจิกมฺมสฺส นิสมฺมการิโน สญฺญตสฺส จ ธมฺมชีวิโน อปฺปมตฺตสฺส ยโสภิวฑฺฒติ แปลความว่า “ยศย่อมเจริญแก่ผู้ขยัน มีสติ มีการงานสะอาด ใคร่ครวญแล้วทำ ระวังดีแล้ว เป็นอยู่โดยธรรม และไม่ประมาท” ด้วยประการฉะนี้

ด้วยเดชะแห่งสัจจวาจา และอานุภาพคุณพระศรีรัตนตรัย พร้อมด้วยผลานิสงห์แห่งพระราชกุศลธรรมจริยาทุกประการ โปรดอภิบาลรักษาสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ให้ทรงพระเจริญด้วยจตุรพิธพรชัย เสด็จสถิตเป็นมิ่งขวัญหลักชัยของประชาราษฎรทั่วหน้า ตลอดกาลนาน เทอญ.”