สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ว่า กระทรวงเศรษฐกิจของฝรั่งเศส ระบุว่า ความช่วยเหลือดังกล่าวจากรัฐ เป็นเงินช่วยเหลือก้อนใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา นับตั้งแต่ปี 2560 โดยเงินทุนนี้จะเข้าสู่โครงการมูลค่า 7,500 ล้านยูโร (ราว 280,000 ล้านบาท) ที่ประกาศเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งดำเนินการโดย “เอสทีไมโครอิเล็กทรอนิกส์” บริษัทข้ามชาติของยุโรป และ “โกลบอลฟาวน์ดรีย์ส” บริษัทสัญชาติสหรัฐ

ทั้งนี้ กฎหมายชิปของสหภาพยุโรป (อียู) คลายกฎระเบียบเกี่ยวกับความช่วยเหลือของรัฐ ที่มักห้ามไม่ให้มอบเงินจำนวนมากขนาดนี้ เนื่องจากมีเป้าหมายเพื่อปลดล็อกการลงทุนมูลค่า 43,000 ล้านยูโร (ราว 1.6 ล้านล้านบาท) และเพื่อให้อียูผลิตชิปในสัดส่วน 20% ของโลก ภายในปี 2573

กระทรวงเศรษฐกิจฝรั่งเศส กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการดังกล่าว ซึ่งอยู่ในเมืองครอล บนเทือกเขาแอลป์ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ จะเพิ่มกำลังการผลิตชิปในยุโรปเกือบ 6% ภายในปี 2571

การต่อสู้เพื่อแย่งชิงตลาดเซมิคอนดักเตอร์มีความขับเคี่ยวอย่างมาก ในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 เมื่อการล็อกดาวน์และมาตรการอื่นๆ ทำให้เกิดวิกฤติด้านอุปทาน และส่งผลให้อุตสาหกรรมหลายแห่งทั่วโลกชะงักงัน

นอกจากยุโรป สหรัฐเป็นอีกประเทศที่ผ่าน “กฎหมายชิป” เช่นกัน เพื่อส่งเสริมการลงทุนในภาคส่วนนี้ เพราะกลัวว่าจีนอาจยึดครองอุปทานทั่วโลกได้ โดยกฎหมายชิปของสหรัฐ เป็นหนึ่งในกฎหมายหลายฉบับ ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อสร้างรายได้หลายแสนล้านดอลลาร์ ให้กับบริษัทของสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลปักกิ่งปฏิเสธว่า ไม่ได้พยายามยึดสายการผลิตทั่วโลก และประณามกฎหมายชิปของสหรัฐว่าเป็น “การกีดกันทางการค้า 100%”.

เครดิตภาพ : AFP