Q: ท่านอธิบดีครับ คดีของผู้กำกับโจ้ ได้รางวัลส่วนแบ่งหลาย 100 ล้านบาท เขาทำได้จริงขนาดนั้นเลยหรอครับ มันดูแล้วไม่ลักลั่นกับผู้กำกับคนอื่นๆ กับหน่วยงานอื่นๆ เหรอครับ

A: คือเรียนอย่างนี้นะครับคือ คดีที่ถามเกี่ยวกับเรื่องการ หลีกเลี่ยงหลบเลี่ยง ภาษีอากร เกี่ยวกับเรื่องรถมันจะมี รางวัล สินบนนำจับสองส่วน ส่วนหนึ่งก็คือเป็นสายลับ อีกส่วนหนึ่งก็จะเป็นผู้จับกุมนะครับ เปอร์เซ็นต์ที่ได้รวมสายลับ กับผู้จับกุมแล้วจะรวมได้ จะได้ประมาณ 55% หมายความว่าเมื่อมีการดำเนินคดีถึงที่สุดแล้ว มีคำพิพากษาว่า ให้ชำระค่าปรับจำนวนเท่าไหร่

สมมุติว่าหนึ่งคัน ผู้กระทำความผิดยอมชำระค่าปรับ ไม่ยอมชำระค่าปรับ สินบนก็จะถูกแบ่งไปนะครับตามที่บอกก็คือ อย่างที่ท่านถามผมว่ารถของที่ผู้กำกับโจ้จับมาได้แล้วจะมีรายได้อะไรเยอะขนาดนั้นเลยหรือ ผมจะตอบอย่างนี้นะว่า การกระทำความผิดในลักษณะของรถหรูที่ทำมา ผมอาจจะมีเวลาน้อยนะผมขออธิบายเร็วนิดหนึ่งตอนแรกผมทำเรื่องรถจดประกอบก่อน ท่านต้องคิดอย่างนี้ครับ มันมีรถราคาแพงๆ เข้ามาวิ่งอยู่ในเมืองไทยเยอะ ผมก็สงสัยว่าไอ้รถพวกนี้เขาเสียภาษีกันยังไงทำไมมันเยอะจัง เราก็ไปเก็บข้อมูลไว้เบื้องต้นก็คือสองปี

สองปีข้อมูลที่ผมเก็บไว้ มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับรถจดประกอบวันดีคืนดีรถคันหนึ่งที่เกิดไฟไหม้ ถ้าท่านจำได้เนี่ย ที่กลางดง ที่กลางดงมันมีรถไฟไหม้ 6 คัน 7 คัน แต่ท่านเชื่อไหมว่า ไม่มีใครแสดงตัวเป็นเจ้าของมันเกิดอะไรขึ้น มันมีการนำรถที่อ้างว่าจดประกอบก็คือใช้เครื่องยนต์ตัวถัง ส่วนควบเข้ามาประกอบกัน รถพวกนี้จะเสียภาษีไม่เกิน 80% จากรถที่นำเข้า 328% โอ้โหมันหายไป 200 กว่าเปอร์เซ็นต์

อันแรกก่อนนะครับ ท่านผู้ฟังจะได้เข้าใจว่า กระบวนการมันเป็นยังไง ผมก็ดำเนินคดีพอดีมันไม่ตรงกับรถที่ผม เก็บข้อมูลไว้หนึ่งคันก็คือ Ferrari ก็ได้ทำการสืบสวนจนกระทั่งเรารู้ตัวคนที่ไปดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องรถแล้ว กลุ่มผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้อง ทีนี้ก็เหมือนระเบิดลูกใหญ่ลงตอนนั้น กรมสอบสวนก็ทำทำจนกระทั่ง กระทรวงการคลังได้ออกกฎหมายมาว่าต่อไปนี้ ไม่สามารถมีรถจดประกอบในเมืองไทยได้แล้วรถจดประกอบก็หายไปในระหว่างนั้น

อันที่สองผมจะพูด ผมยึดรถมา 6 คัน รถ 6 คันไม่ได้จดประกอบ แต่เป็นรถนำเข้ามาทั้งคัน รถนำเข้ามาทั้งคันนี่คืออะไรครับ คือรถที่ต้องเสียภาษี 328% ที่ผมพูดไปแล้ว ก็ไปดูราคาทำไมมันถูกผิดปกติ ก็ไปดูใบนำเข้าสินค้า ใบนำเข้าสินค้าจากรถราคาประมาณ 200,000 ปอนด์ เอาอย่างนี้แล้วกัน ยกตัวอย่างง่ายๆ เค้าแจ้งมาแค่ 20,000 ปอนด์ 20,000 ปอนด์ เอาไปคำนวณภาษี 328% จะเป็นเท่าไหร่ก็ว่ากันไป แต่หายไป 10 เท่า จาก 200,000 เป็น 20,000 เพราะฉะนั้นผมก็พยายามใช้ความร่วมมือระหว่างประเทศ เรียนท่านตรงๆ นะครับการทำคดีทำไปด้วยความยากลำบากเพราะว่าเราไปที่อิตาลีกับอังกฤษ เขาพูดตรงๆ ว่าเขาไม่เกี่ยวอะไรรถเข้ามาในเมืองไทยแล้ว เขาขายสินค้าไปแล้วเขาไม่ยุ่งอะไร ผมใช้เวลาสองปีครับวิ่งไปวิ่งมาหาเขาเพื่อที่จะรู้ราคาที่แท้จริงให้ได้ ตอนหลังอิตาลีกับอังกฤษให้ความร่วมมือ พอส่งราคารถมา เราตกใจ Lamborghini ต่อหนึ่งคันหายไปประมาณ 10,000,000 กว่าบาท ภาษีอย่างเดียวนะไม่รวมราคาอะไรเลย แต่รถของผู้กำกับโจ้ ท่านคงจะถามผมต่อ หายไปเท่าไหร่รถคันนี้คันเดียวหายไป 31,000,000 คันเดียว

เพราะฉะนั้นท่านอาจจะมองภาพว่ารถมีสองแบบก่อน คือแบบที่หนึ่งนำมาจดประกอบ หลบภาษี ก็เหลือ 80% เอามาอ้างว่าจดประกอบแต่จริงๆ มันประกอบไม่ได้ อย่าง Ferrari มันเป็นรถที่เรียกว่าไฮเทคเทคโนโลยี ทำไม่ได้ไม่มีเครื่องประกอบ ผมก็ค้นโรงงานประกอบทุกที่แล้ว ก็เหมือนโรงงานทำสี ไม่มีเครื่องมือที่จะประกอบรถได้นะครับ ก็ยกเรื่องรถจดประกอบไปก็มาเรื่อง รถราคาต่ำสำแดงเท็จ สำแดงต่ำไปประมาณ 10 เท่า ก็หายภาษีไปประมาณ 

Lamborghini 10 กว่าล้านต่อคัน แล้วรถที่ผมยึดมา 6 คันตอนแรกที่พูด ไปเมื่อสักครู่ มีอยู่คันหนึ่ง Lexus คันเดียวหายไป 51,000,000 เพราะฉะนั้นกระบวนการรถช่วงที่ผ่านมา มันก็ใหญ่มากนะครับทีนี้ ผู้ที่ซื้อรถหรือผู้ที่ครอบครอง ส่วนใหญ่เบื้องต้นเค้าไม่รู้เลยว่า เค้าซื้อรถที่ชำระภาษีไม่เต็มมา เราก็ไปดูว่าผู้ที่ซื้อรถคนสุดท้าย แล้วมาครอบครองอยู่เนี่ย มีลักษณะเป็นผู้เสียหายเว้นแต่เข้าไปร่วมของเรื่องในการนำรถเข้ามาด้วย ที่ DSI ทำมีสองอันนะขณะนี้

Q: ในลักษณะของผู้กำกับโจ้เข้าข่าย แบบไหนครับ เข้าข่ายจดประกอบหรือว่านำเข้ามาสำแดงเท็จครับ

A: คืออย่างนี้ครับรถของผู้กำกับโจ้ นำเข้ามาแล้วสำแดงราคาต่ำ ก็คือสำแดงเท็จนี่แหละครับว่าราคา มันต่ำกว่าข้อเท็จจริงจาก 29 คัน ที่ท่านพูดเมื่อสักครู่ ผมตรวจสอบบัญชีทั้งหมดแล้ว มีรถ Lamborghini สีเหลือง อยู่คันหนึ่งของผู้กำกับโจ้ ซึ่งเขาบอกว่าเป็นรถที่มีไม่กี่คันในโลกนะครับ ผมก็เพิ่งทราบ เราก็มาดูว่าอ๋อรถคันนี้เราดำเนินคดีแล้ว เราดำเนินคดีไปตั้งแต่ปี 62 แล้ว รถผู้กำกับโจ้คันนี้เป็นรถที่นำเข้ามาโดยบริษัท ไม่ต้องเอ่ยชื่อบริษัทเขานะครับ ก็พอนำเข้ามาแล้วก็มีการทำราคาต่ำเข้ามาแล้วก็ส่งเอกสารส่งทุกอย่างไป เพื่อที่จะให้กรมศุลกากรประเมินราคามาให้ ประเมินราคาที่ขายกรมศุลกากรประเมินราคาที่ขาดมา 31,000,000 ล้านบาท รถคันของผู้กำกับโจ้ ก็มีการดำเนินคดีส่งสำนวนไปให้อัยการแล้ว

Q: แต่ว่าเห็นว่ามีปัญหาเพราะว่าทาง DSI ก็แจ้งว่าต้องคืนรถ

A: การคืนรถต้องเรียนอย่างนี้นะครับว่า เมื่อเราส่งสำนวนพร้อมรถเขาเรียกว่ารถอยู่ในบัญชีของกลาง ส่งไปที่พนักงานอัยการ พนักงานอัยการได้พิจารณาแล้ว คดีนี้มีผู้ต้องหา 8 คน อัยการมีความเห็นว่ารถไม่ใช่ของกลางในคดีอาญา พนักงานสอบสวนจึงไม่มีความจำเป็นที่จะเอารถไว้ เอาไว้ไม่ได้หรอกครับ ทางอัยการ เขาสั่งให้พนักงานสอบสวน ดำเนินการตาม ป. วิ อาญา มาตรา 85 ก็คือคืนเมื่อมีผู้ร้องมาขอรับ เราก็เลยจัดการคืนในส่วนที่ตามข้อกฎหมายที่มันปรากฏอยู่

Q: แต่ชาวบ้านอย่างผมฟังก็งงนะครับ รถไม่เป็นของกลางในคดีได้ยังไงครับเพราะตอนไปจับไปจับคดีรถหรู

A: อันนี้ต้องถามท่านอัยการแล้วครับ เพราะว่าจริงๆ เรื่องความเห็นในคดี มันเป็นเรื่องของแต่ละหน่วยงานนะครับ เราคงไปก้าวล่วงในส่วนนั้นไม่ได้ ท่านอัยการท่านก็มีดุลพินิจของท่าน มีคำสั่งมาแบบนี้พนักงานสอบสวนก็ต้องทำตามกฎหมาย

Q: ผมถามท่านอธิบดีครับเพราะว่าเรามีข้อมูลจากอธิบดีกรมศุลกากร พชร อนันตศิลป์ ระบุบอกว่าผู้กำกับโจ้ไปรับราชการทางภาคใต้ มีช่องทางทำอะไรอย่างที่เรารู้กันดีครับ เอารถหรูเข้ามาราคาถูกส่ง ทำรถเป็นคดี แล้วส่งกรมศุลกากรขายทอดตลาดได้ส่วนแบ่ง 45% ซึ่งถูกต้อง ตามกฎของ พ.ร.บ.กรมศุลกากรปี 60 ด้วย แล้วก็ทำมาแล้ว ผู้กำกับโจ้ทำมาแล้วทั้งหมด 6 ปี ในฐานะเจ้าของสำนวนนำส่งรถให้กรมศุลกากรถึง 368 คัน ขายทอดตลาดแล้ว 363 คัน ยังขายไม่ออกอีก 5 คันได้ ส่วนแบ่งไปคิดคร่าวๆ 450 ล้านบาท ฟังอย่างนี้ในความเห็นของท่านอธิบดี DSI ครับผม ถูกต้องไหมครับ

A: มันอย่างนี้ครับคือรถเนี่ย ในช่วงเวลาก่อนหน้านั้นผมเรียนอย่างนี้นะ ที่ผมทราบมามันก็จะมีลักษณะหลายลักษณะ ก็คือหนึ่งนำรถเข้ามาผ่านด่าน ชายแดนภาคใต้ สมัยก่อนโน้นนะครับแล้ว หนึ่งรถพวกนี้อาจจะมีสองลักษณะก็คือ ไปผ่อนไฟแนนซ์ ไปผ่อนงวดแรกงวดที่สองแล้วก็หลบเลี่ยงเข้ามาในเมืองไทย อาจจะมีลักษณะยังนั้น ซึ่งแบบนี้ก็มีลักษณะเดียวกันกับรถอังกฤษ ส่วนที่เข้ามานะครับ

ทีนี้พอเข้ามาแล้วก็มีการไปจับกุม ซึ่งตอนนั้นผมก็ฟัง เหมือนกับที่ท่านพูดที่ว่า คนทั่วไปพูดคือ พอไปจับแล้วก็ไปถอดไอสมองกล รถออกลักษณะแบบนั้น แล้วก็เอาไปประมูลที่กรมศุลกากรทีนี้รายละเอียดอย่างนี้เราได้รับทราบมาแต่เราไม่ได้ทำคดีในลักษณะนี้เพราะในช่วง ช่วงเวลานั้นต้องเรียนท่านอย่างนี้ครับว่า ในรถจดประกอบของเรามีหลายคันที่ไปซ้ำกับกรมศุลกากรกำลังจะประมูลในเวลานั้น บัญชีรถนี้ผม เรียนท่านอย่างนี้ครับ มันซ้อนมันอะไรกันอยู่ มันก็มีอยู่ตอนนั้นสัก 2 คันมั้งครับและทางกรมศุลกากรก็ยกเลิกประมูลไป ในรถที่อยู่ในบัญชีผม

ส่วนในบัญชีอื่นผมไม่ทราบ ว่าจะมีการประมูลกันในลักษณะไหน ประมูลกันแล้วผู้ จับกุมได้เงินเปอร์เซ็นต์ ส่วนแบ่งไปมากน้อยเท่าไหร่เพราะว่ามันเป็นกระบวนการขั้นตอนตรงโน้นเขาทีนี้ ผมเรียนท่านอย่างนี้ มันมีรถลักษณะคล้ายๆ กันแต่เอามาจดประกอบก็คือรถจากมาเลเซีย มันเข้ามาในลักษณะ เป็นรถผ่านด่านเข้ามาเหมือนที่ท่านพูดนี่แหละ พอเราไปยึด พอเราไปยึดเสร็จแล้วมันก็ รถมีประเด็นเพราะว่า เอามาทำเป็นรถจดประกอบก็คือ ทำเอกสารว่าเป็นตัวถัง เป็นเครื่องยนต์เป็นส่วนควบ มาประกอบกันเป็นรถ

วันดีคืนดีสถานทูตมาเลเซีย ก็บอกว่ารถคันนี้ถูกขโมยมา ผมก็ไม่ทราบนะเพราะว่าจริงๆ เราคิดแต่เพียงว่าตอนที่เรารับเอกสารมาแล้วคิดว่ารถคันนี้ ใช้วัสดุอุปกรณ์ส่วนควบมาประกอบกันมาเป็นรถเบนซ์ราคาแพงนะครับ ที่พูดนี้ ก็เราดำเนินคดีอยู่ เราดำเนินคดีในลักษณะชำระภาษีเพื่อให้เขาชำระภาษีเต็ม จากภาษีที่เค้าหลบ แต่มาเลเซียทำหนังสือมาหาเรา บอกว่ารถคันนี้ขโมยมาซึ่งจริงๆ ผมตกใจเพราะว่ามันคือรถมันแพงมากแล้วขโมย ข้ามด่านเข้ามาก็เท่ากับว่ามีคน ทำในลักษณะนี้ที่เกิดขึ้นก็คือ หมายความว่าเอารถที่ขโมยมา ไปทำรถจดประกอบ

ส่วนหนึ่งหรือที่ท่านถามว่า รถพวกนี้เข้ามาแล้ว ก็มีการทำในลักษณะมีการจับกุมแล้ว เอาไปประมูลขายทอดตลาดเพื่อรับรางวัล ก็อาจเป็นลักษณะนั้นอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งในลักษณะนี้ก็อยากให้ท่านพิธีกรไปถามรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้นะครับกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะว่าทาง DSI ได้ทำสองเรื่อง คือเรื่องรถจดประกอบกับเรื่องรถที่สำแดง ราคาต่ำมาในเมืองไทยนะครับ

ภาพใช้ประกอบเท่านั้น

Q: เราสรุปอย่างนี้ได้ไหมครับท่านอธิบดี ว่ากระบวนการนำเข้ารถหรูที่เราเห็นกันที่เรามีข่าวกันมาตลอด มีสองแบบก็คือจดประกอบกับสำแดงเท็จ

A: ถ้าตามลักษณะที่ท่านสงสัยนี้ คือเอาเข้ามา แล้วเอามาจับแล้วเอามาประมูลขายทอดตลาดเนี่ยอาจจะเป็นอีกวิธีการหนึ่งที่ DSI ไม่ได้ทำ ผมตอบไม่ได้ แต่ของผม ตอบได้คือสองอัน จดประกอบกับสำแดงราคาเท็จหรือราคาตามที่บอก

Q: ในกระบวนการรถหรูต้องถือว่า รถยนต์เป็นของกลางแน่นอน และเป็นของกลางขนาดใหญ่ด้วย ไม่มีเจ้าหน้าที่รู้เห็นเป็นไปไม่ได้ก็คงจะลักลอบนำเข้ามาไม่ได้ ท่านอธิบดีเห็นยังไงครับ

A: อย่างนี้ครับในส่วนของเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้อง ที่มีประเด็นว่ามีการปล่อยให้รถลักลอบเข้ามา ตอนนี้ผมตอบอย่างนี้ครับลงรายละเอียดไม่ได้ เจ้าหน้าที่ของ ป.ป.ช. กำลังทำการไต่สวนอยู่นะครับ แล้วก็มีการเรียกเจ้าหน้าที่บางส่วนไปแล้ว แต่ว่าผมไม่ทราบรายละเอียดตรงนั้น ทีนี้มันถูกแยกสองทางนะ คนเนี่ยเราดำเนินคดีกับบริษัทที่นำเข้า ผู้กระทำความผิดสอง กลุ่มข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ป.ป.ช. กำลังดำเนินการอยู่โดยมีการประสานข้อมูลกันระหว่าง DSI กับสำนักงาน ป.ป.ช. เกี่ยวกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง

Q: ในสำนวนรถหรูของ DSI มีข้าราชการเข้ามาเกี่ยวข้องทุกคดีหรือเปล่าครับ

A: เราเรียกข้าราชการที่เกี่ยวข้อง มาสอบ เป็นพยานในลักษณะที่ เหมือนกับว่ารถคันนี้ผ่านด่านเข้ามา อย่างไร มันก็ต้องมีขบวนการเขาเรียกว่าผ่านของศุลกากร เราก็เรียกมาสอบไว้

Q: ในข้อมูลสารระบบของ DSI มีขบวนการรถหรูกี่แก๊งครับ

A: หลายบริษัทนำเข้าครับ ก็คงไม่เอ่ยชื่อเขานะครับ แต่ว่ากระบวนการทำในลักษณะแบบนี้มีอยู่หลายบริษัทมากแล้วก็มีอยู่หลายกลุ่มนะครับซึ่งเรากำลังดำเนินการอยู่

Q: DSI มีข้อมูลครบถ้วนแล้วใช่ไหมครับ

A: มีครับมีอยู่ตรงนั้น แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้

Q: ทีนี้เราสงสัยว่าคนทั่วไปขับรถบนถนน คนทั่วไปขับรถบนถนนก็จะเห็นซูเปอร์คาร์บ้างโฉบเฉี่ยว หรือว่าไปตามห้างหรูมีรถซูเปอร์คาร์จอดอยู่มีที่จอดรถเฉพาะของเค้าอยู่ จะถามท่านอธิบดีว่ารถพวกนั้นนี้กี่เปอร์เซ็นต์ครับเป็นรถจดประกอบ รถผิดกฎหมาย

A: คือมันตอบไม่ได้ มันต้องดูรายละเอียดรถทั้งหมด แต่ตอนนี้บัญชีรถที่เชื่อว่ามีการกระทำผิดอยู่กับเรามาก เราทยอยดำเนินคดีอยู่ ก็ต้องตอบท่านอย่างนี้ เพราะว่ารถที่บางคันที่ไปจอดอะไรอยู่เนี่ย มันต้องดูรายละเอียดทั้งเลขตัวถัง เลขเครื่องยนต์ เลขอะไรทั้งหมดถึงจะรู้ รู้ว่าเป็นรถเข้ามาในลักษณะแบบไหนครับ ต้องตอบแบบนี้ครับ

Q: ส่วนใหญ่เราจะเรียกว่าเจอตอได้ไหมครับ เพราะว่าไอ้ของกลางเองก็เป็นตอชิ้นใหญ่เลย

A: เราต้องทำตรงไปตรงมา เราเจออะไรมันไปเว้นใครไม่ได้ มันต้องทำให้ชัดเจน กรมสอบสวนก็จะมีปัญหาว่าไปเว้นกลุ่มนี้ อย่างที่ท่านบอกไปเจอตอไหมอะไรไหม อะไรอย่างนี้ ผมจะเกษียณแล้วก็ยืนยันว่าผมทำเต็มที่ อีกไม่ถึงเดือนและผมจะเกษียณแต่ก็บอกลูกน้องไว้ คดีที่ผมได้ริเริ่มขึ้นมาขอให้ทำให้เต็มที่ อย่างที่ท่านพูด ประชาชนดูอยู่ ถ้าตอบคำถามประชาชนไม่ได้ ไม่มีมัน ก็จะเป็นเรื่องที่น่าอับอายนะครับ ผมตอบอย่างนี้ละกัน ก็ฝากท่านผู้ฟังว่าเราได้ดำเนินการตามหลักของกฎหมาย ทางพิธีกรกับท่านผู้ชมอาจจะมีข้อสงสัย อย่างที่พิธีกรถาม แต่เราก็ดำเนินคดีตรงไปตรงมาอย่างชัดเจน

Q: คำถามสุดท้ายครับท่านอธิบดีตอนนี้มีคดีค้างกี่คดีครับ เรื่องของรถจดประกอบ ประมาณ

A: รถอยู่ในบัญชีของเราอีกเยอะมาก แต่เราส่งไปแล้ว ทำไปแล้วประมาณ 200 กว่า แล้วส่งไปให้อัยการ 160 กว่าคดีแล้ว และผมกำลังเร่งให้มีการดำเนินการเรื่องนี้ เร็วขึ้นนะครับ เพราะว่าจำนวนรถที่กำลังค้างอยู่ก็เป็นปริมาณพอสมควร