เมื่อวันที่ 6 ก.ย. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษา (สบ 9) ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม รอง ผบช.น. พล.ต.ต.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง ผบก.น.9 พ.ต.อ.พรชัย ชลอเดช รอง ผบก.น.9  พ.ต.อ.สุรเวช การวัฒนาศิริกุล ผกก.สน.ภาษีเจริญ  เจ้าหน้าที่ ตำรวจ สน.ภาษีเจริญ  กต.ตร.สน.ภาษีเจริญ  ลงพื้นที่ตลาดน้ำคลองบางหลวง ของ สน.ภาษีเจริญ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบถึงการดำเนินการตามโครงการสมาร์ท เชฟตี้ โชน 4.0 ตลอดจนติดตามความคืบหน้าในการใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการป้องกันอาชญากรรม เพื่อให้การป้องกันอาชญากรรมในโครงการดังกล่าวมีประสิทธิภาพสูงสุด

พร้อมทั้งได้มอบหน้ากากอนามัยผ้ามัสลิน จำนวน 300 ชิ้น และ น้ำยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย จำนวน 20 ลิตร ให้แก่ข้าราชการตำรวจ สน.ภาษีเจริญ และประชาชนในพื้นที่ตลาดน้ำคลองบางหลวง เพื่อใช้ในการป้องกันโรคโควิด-19 โดยมีนายยุทธนา ป่าไม้ ผอ.เขตภาษีเจริญ พร้อมด้วยนางเยาวะสกุล ทองธัญวีรัตน์ และนางพรพัน วัฒนสินธุ์ ผู้ช่วย ผอ.เขต ร่วมรับมอบหน้ากากอนามัย และเจลล้างมือแอลกอฮอล์ ณ วัดกำแพงบางจาก ทั้งนี้ สน.ภาษีเจริญ เป็น 1 ใน 15 สถานีตำรวจนำร่องในโครงการสมาร์ท เชฟตี้ โซน 4.0 (SMART SAFETY ZONE 4.0) ซึ่งมีพื้นที่ในความรับผิดชอบ 1.16 ตร.กม.

จากนั้น พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ พร้อมคณะ เดินทางไป สน.ห้วยขวาง ซึ่งเป็นอีก 1 สถานีตำรวจนำร่องในโครงการฯ มีพื้นที่ในความรับผิดชอบ 1.69 ตร.กม. พร้อมมอบหน้ากากอนามัยผ้ามัสลิน จำนวน 400 ชิ้น และ น้ำยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย จำนวน 20 ลิตร แก่ข้าราชการตำรวจ สน.ห้วยขวาง และพี่น้องประชาชนในพื้นที่ สมาร์ท เชฟตี้ โซน รัชดา–ห้วยขวาง เพื่อใช้ในการป้องกันโรค  โดยมี พ.ต.อ.ชัยพล เอกกุล รอง ผบก.น.1  พ.ต.อ.ยิ่งยศ สุวรรณโณ ผกก.สน.ห้วยขวาง นางสายทิพย์ สุคนธ์มณี ผู้ช่วย ผอ.เขตห้วยขวาง นายสบโชค ณ ศรีโต ผู้ช่วย ผอ.เขตดินแดง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ห้วยขวาง กต.ตร.สน.ห้วยขวาง ร่วมให้ข้อมูลในการดำเนินโครงการในพื้นที่ 

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. สั่งการให้ตนลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมดูความพร้อมโครงการนำร่อง สมาร์ท เซฟตี้ โซน 4.0 (SMART SAFETY ZONE 4.0) โดยเน้นย้ำโครงการนี้ต้องทำให้ประชาชนเชื่อมั่น ว่า ชุมชนมีความปลอดภัย เช่น ทำให้ผู้หญิงหรือเด็กมีความเชื่อมั่นว่าปลอดภัยและสามารถเดินทางในพื้นที่เปลี่ยวในช่วงเวลากลางคืนได้ ตรงนี้จะเห็นได้ชัดเจนว่า สามารถรองรับให้ประชาชนมีความปลอดภัย อุ่นใจ ทั้งในชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งเป็นผลจากที่ได้มีการพัฒนาระบบการป้องกันอาชญากรรมให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น กล้องวงจรปิดภายในชุมชนจะลิงก์หรือเชื่อมต่อภาพทั้งหมดเข้าไปที่ สน. และต่อไปจะมีระบบ AI เชื่อมโยงกับกล้องที่มีอยู่แล้วซึ่งรวมกับกล้องเดิมอีก 10,000 ตัว

ซึ่งจากการที่ได้ลงพื้นที่ทั้ง 2 สน.ในครั้งนี้เชื่อว่า ประชาชนจะมีความปลอดภัยมากขึ้น ทั้งนี้โครงการนี้ขยายวงออกไปอีกจากเมืองหลัก เป้าหมายต่อไปคือการติดตั้งระบบในเขตเมืองรอง ซึ่งจะเป็นการนำเทคโนโลยีมาลดภาระการออกตรวจให้กับกำลังพลตำรวจซึ่งมีจำนวนจำกัด และที่สำคัญกล้องวงจรปิดจะเป็นหลักฐานชิ้นเอกที่จะมัดตัวคนร้าย ไม่ว่าจะมาในรูปแบบใดและพาหนะแบบไหน ก็สามารถไล่กล้องจนไปพบต้นต่อได้ในที่สุด เพื่อควบคุมอาชญากรรมเป็นการทำงานเชิงรุก และทั้ง 15 สน.ที่นำร่องในขณะนี้ก็มีความพร้อม.