เมื่อวันที่ 7 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจาก นายอมร แสงศรีจันทร์ อายุ 57 ปี เจ้าของธุรกิจตัดหญ้าและไถ่สวน ชาว อ.สิเกา จ.ตรัง ว่าพบก้อนหินประหลาดลอยน้ำได้ บริเวณหาดราชมงคลตรัง หมู่ 3 ต.ไม้ฝาด อ.สิเกา จ.ตรัง จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบเป็นก้อนหินสีน้ำตาล ขนาดความยาว 11 นิ้ว กว้าง 7 นิ้ว หนัก 3 กก. โดยรอบก้อนหินจะมีลักษณะเป็นรูขนาดเล็กจำนวนมากคล้ายฟองน้ำและมีซากเปลือกหอยจำนวนหนึ่งติดอยู่ และความประหลาดคือลอยน้ำได้ไม่ว่าในน้ำจืดหรือน้ำเค็ม สอบถามนายอมร เล่าว่า ไปตกปลาที่หาดราชมงคล ระหว่างกำลังเก็บคันเบ็ดเตรียมตัวกลับบ้านได้หันไปเห็นวัตถุลอยน้ำอยู่ในทะเลยืนมองอยู่พักหนึ่งรู้สึกเหมือนสิ่งเป็นสิ่งมีชีวิตกำลังลอยมาหาตนพอมองดูคิดว่าเป็นฟองน้ำ

นายอมร เล่าอีกว่า แต่พอเห็นดูชัดๆ ก็เหมือนก้อนหิน แต่สงสัยว่าถ้าเป็นหินทำไมถึงลอยน้ำได้ จึงเดินลงไปดูใกล้ๆ น้ำมีความลึกประมาณ 50 ซม. ก่อนลองใช้เท้ายกขึ้นก็รู้สึกหนักมาก จึงยกขึ้นมาไว้บนรถกระบะ คิดว่าอาจเป็นอ้วกวาฬที่เคยเป็นข่าว มีราคาดีเนื่องจากเป็นก้อนหินลอยอยู่ในน้ำได้คลื่นซัดก็ไม่จม พอเก็บกลับมาตรวจสอบในข่าวระบุว่าอ้วกวาฬจะนิ่มคล้ายก้อนไขมัน ส่วนวัตถุที่ตนเก็บมาเป็นลักษณะแข็งคล้ายหินแถมมีน้ำหนักมากถึง 3 กก. จึงอยากให้มีผู้ที่มีความรู้เรื่องหินมาช่วยดูว่าเป็นอะไรกันแน่ เพราะรู้สึกประหลาดใจ แต่ก็ไม่กล้าเอาเข้าบ้านเกิดมาไม่เคยเจอก้อนหินนี้มาก่อน เลยตั้งใจว่าจะเก็บไว้เผื่อใครอยากมาดูเพราะเชื่อว่าหลายคนอาจจะไม่เชื่อว่าหินลอยน้ำได้ ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าเป็นหินก้อนนี้จะนำโชคหรือไม่ แต่ก็ตั้งใจจะเก็บไว้ไม่อยากทำลาย

อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวตรวจค้นข้อมูลเบื้องต้นพบว่า เมื่อปี พ.ศ.2549 เคยมีชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 4 บ้านเกาะเคี่ยม ต.กันตังใต้ อ.กันตัง จ.ตรัง พบก้อนหินลักษณะเดียวกันในป่าโกงกาง พื้นที่หมู่ 5 บ้านเตะหลำ ต.กันตังใต้ น้ำหนักมากถึง 120 กก. และเคยเป็นข่าวมาแล้วโดยขณะนั้นมีนักนักธรณีวิทยาตรวจสอบคาดว่าเป็นหินอัคนีพุ หรือหินพัมมิช หรือหินภูเขาไฟ เกิดจากลาวา และน้ำ ผสมกัน จากการระเบิดของภูเขาไฟ ทำให้ลาวาเย็นตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการลดลงของแรงดันอย่างรวดเร็ว เกิดมีรูพุรนเล็กกระจายตัวกันเต็มเนื้อหิน จึงทำให้หินลอยน้ำได้