เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. จากกรณีอุบัติเหตุรถมินิคูเปอร์เฉี่ยวชนกับรถเก๋งปอร์เช่ จนเสียหลักพุ่งเข้าร้านขายใบกระท่อมแล้วทับรถจักรยานยนต์เสียหายอีก 1 คัน ริมถนน 304 ฉะเชิงเทรา-พนมสารคาม ก่อนจะหมุนไปชนกับรถรับส่งนักเรียนพลิกคว่ำ เด็กๆ บาดเจ็บ 14 คน พื้นที่ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา วานนี้นั้น

ล่าสุด ลูกชายนายอนุชิต คนขับรถปอร์เช่ เล่าว่า ปกติตนใช้รถคันนี้มาโดยตลอด แต่เนื่องจากน้ำมันใกล้หมดจึงได้เอารถคันอื่นไปใช้ ในวันเกิดเหตุพ่อของตนได้เอารถออกไปธุระ จากนั้นในระหว่างที่กำลังขับกลับบ้านจะแวะเติมน้ำมันที่ปั๊ม จึงขับเข้ามายังทางเบี่ยงและจอดรออยู่ แต่ในขณะนั้นมีรถมาชนท้าย จึงทำให้รถพุ่งเข้าไปยังบ้านคน ซึ่งพ่อตนไม่ได้รู้จักและขับแข่งมาตามที่เป็นข่าว พ่อตนอายุ 54 ปีแล้ว แต่อาจเกิดจากรถปอร์เช่มีแรงม้าที่สูง จึงทำให้เหมือนว่าพ่อตนขับรถไว ซึ่งในเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว สำหรับรถปอร์เช่คันนี้มีประกันชั้น 1 ที่ทำไว้ ซึ่งทราบมาว่าทางรถมินิฯ คู่กรณีนั้นประกันขาด อย่างไรก็ตาม จะต้องพูดคุยกันถึงเรื่องค่าเสียหายและค่าดูแลคนเจ็บ ทั้งรถโดยสารนักเรียน ผู้บาดเจ็บทั้งหมด พร้อมด้วยบ้านที่พังเสียหาย สำหรับรถตนประเมินค่าซ่อมเบื้องต้นอยู่ที่ประมาณ 3 ล้านบาท

ปอร์เช่-มินิฯ ซิ่งแข่งเย้ยกฏหมาย! เสยรถนักเรียนพลิกคว่ำเด็กเจ็บ14 ก่อนเสียหลักพุ่งชนบ้านคน

ขณะที่ นายกฤษตเมธ คนขับมินิฯ กล่าวว่า ตนขับรถมาในช่องทางขวาสุด เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้เลี้ยวซ้ายเพื่อที่จะเข้าปั๊มน้ำมัน ปตท. จากนั้นได้มีรถปอร์เช่ ขับมาทางช่องทางซ้ายสุด เป็นเหตุให้เกิดการเฉี่ยวชนกัน และรถได้เกิดเสียหลักหมุนไปชนกับรถกระบะที่ขับอยู่บริเวณด้านหน้าของรถทั้งสองคัน เป็นเหตุให้รถคันดังกล่าวพลิกคว่ำ โดยมีนักเรียนโดยสารมาด้วยได้รับบาดเจ็บ และมีทรัพย์สินที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงได้รับความเสียหาย

อย่างไรก็ตาม ร.ต.อ.บัณฑิต ทรัพย์พงศ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองฉะเชิงเทรา อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ในที่เกิดเหตุ และตรวจสอบภาพจากกล้องหน้ารถว่า ทั้งรถปอร์เช่และรถมินิฯ มีการขับแข่งกันมาหรือไม่ เพื่อที่จะสรุปสำนวนและดำเนินคดีต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เด็กนักเรียนที่เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลพุทธโสธร 14 ราย ตอนนี้กลับบ้านไปแล้วทั้งหมด 11 ราย โดยมีผู้แอดมิต 3 ราย