ยังคงเป็นเรื่องราวที่หลายคนสนใจติดตามอย่างมากมาย สำหรับเรื่องราวของดาราดัง เอส กันตพงศ์ ที่เกิดวูบกลางงานอีเวนต์ดังแล้วหมดสติไป พร้อมหยุดหายใจไป 20 นาที ทำเอาต้องยื้อชีวิตเป็นการใหญ่ ก่อนเขาจะกลับมาและมีรอยยิ้มสดใสราวปาฏิหาริย์ แบบที่ภรรยาและครอบครัวออกมาแถลงข่าวไปล่าสุด

แต่งานนี้สาว คิตตี้ คริสติน่า ไปเปิดใจอีกครั้งในราย “เที่ยงบันเทิงสด” ทางช่อง 7 โดยเพจดัง dara7_pantip ได้เผยบทสัมภาษณ์ว่า “ตอนนี้ดีขึ้น เพราะสามีอาการดีขึ้น พ้นจากช่วงวิกฤติ มีความกังวลลดลง โล่งใจมากขึ้น ในส่วนของสุขภาพของเอสนั้นค่อยๆ ดีขึ้น แต่หัวใจยังมีการอักเสบอยู่ เรื่องของสภาพร่างกายภายนอกยังต้องมีการทำกายภาพ ก่อนที่ คิตตี้ จะเล่าช่วงวินาทีแรกที่เอสฟื้นให้ฟังว่า โมเมนต์แรกที่เอสได้สติ ยังมีการใส่ท่อช่วยหายใจอยู่เลย ยังพูดไม่ได้ แต่มีความพยายามที่จะพูด หลังจากนั้น 2-3 วัน ได้มีการถอดเครื่องช่วยหายใจออก ก็จะพูดปะติดปะต่อเป็นคำ เป็นประโยค แต่ยังมีความสับสนว่ายังทำงานอยู่หรือเปล่า ถ่ายฉากไหน ใส่เสื้อผ้าอะไร เพราะเอสรักงานและทุ่มเทกับงานมาก คิดแต่เรื่องงานอยู่”

“น้องวาเลนติน่า ที่ได้พูดคุยกับคุณพ่อหลังจากที่ได้สติว่า น้องวาเลนติน่าเข้าใจว่าคุณพ่อยังป่วยอยู่ มีการเล่นเป็นคุณหมอกับนางพยาบาลให้คุณพ่อพัก เป็นเด็กที่สวีทมากๆ และในช่วงที่เอสยังสับสน แต่ก็ยังจำได้เสมอว่าเขายังรักเด็กคนนี้มากๆ ส่วนที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ว่า ตอนที่เอสได้ฟื้นในช่วงแรก พูดได้แค่ภาษาอังกฤษเท่านั้น ซึ่งคิตตี้ได้พูดถึงเรื่องนี้ว่า ตอนนั้นเอสก็มีการเรียบเรียงคำพูด อาจจะมีความสับสนในการพูด แต่ยืนยันว่า พูดได้ทั้งไทยและอังกฤษพร้อมกับขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมาให้ และได้บอกสามีว่ามีแฟนๆ รอเจอ รอดูผลงานอยู่ แม้แต่ในไอจีของคิตตี้ทุกข้อความเป็นเหมือนกำลังใจว่าไม่ได้ผ่านเรื่องนี้คนเดียว ในส่วนของ น้องวาเลนติน่า กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นโชคดีที่ลูกสาวกำลังอินเรื่องการเป็นหมอ พยาบาล ก็เลยสามารถอธิบายให้ลูกฟังอย่างง่ายๆ ว่าพ่อกำลังไม่สบาย ต้องนอนพักเยอะหน่อย เครื่องมือต่างๆ ลูกสาวก็รับรู้และเข้าใจ”

เมื่อถามว่าหลังจากเกิดเหตุการณ์นี้แล้วมีความเป็นห่วงเรื่องการทำงานของเอสหรือไม่ คิตตี้ ก็ว่าที่เป็นห่วงคือ “ถ้ากลับมาทำงาน อยากให้พักบ้าง เพราะทุ่มเทแบบเกินร้อย ตั้งใจทุกครั้ง และคิตตี้ก็มีแพลนที่จะมาทำงานที่ไทย เพราะก่อนหน้านี้มีข้อตกลงในครอบครัวไว้ว่า ช่วง 4 ปีแรกของลูก เอสจะทำงาน และให้คิตตี้เป็นคุณแม่แบบเต็มตัวเพื่อให้เวลาลูกสาวได้อย่างเต็มที่ พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เลยมีแพลนที่อาจจะมาทำอะไรบ้าง เพื่อให้สามีไม่ต้องเครียดกับสิ่งที่จะทำต่อจากนี้ ก็เป็นอะไรที่เคยทำไว้ก่อนหน้านี้ แบรนด์ต่างๆ โดยหลังจากนี้มีอะไรที่จะทำได้ก็จะทำ อาจจะเปิดร้านออนไลน์ เปิดรับงานที่จะเข้ามาเพื่อซัพพอร์ตครอบครัว”

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก s_kantapong