สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 2 ก.ค.ว่านายวิลเลียม เบิร์นส์ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลาง ( ซีไอเอ ) กล่าวว่า สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ซึ่งยืดเยื้อตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ. 2565 “เป็นความท้าทายทางภูมิศาสตร์การเมืองซึ่งเกิดขึ้นอย่างฉับพลันทันใดที่สุด ในโลกยุคปัจจุบัน” และ “สร้างความกัดกร่อน” ให้กับรัฐบาลมอสโก เนื่องจากยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไหร่ “ความล้มเหลวเชิงโครงสร้าง” ของรัสเซีย “ยิ่งเด่นชัดมากขึ้นเท่านั้น”
ในทางกลับกัน องค์การสนธิสัฐญาแอตแลนติกเหนือ ( นาโต ) ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น สถานการณ์ดังกล่าวเรียกได้ว่า “เป็นโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิต” สำหรับซีไอเอ “ซึ่งจะไม่มีทางทำให้เสียเปล่า”
During a secret visit to Ukraine by CIA Director William J. Burns earlier this month, Ukrainian officials revealed an ambitious strategy to retake Russian-occupied territory and open cease-fire negotiations with Moscow by the end of the year. https://t.co/nb2iDg3u1U
— The Washington Post (@washingtonpost) June 30, 2023
อนึ่ง ย้อนกลับไปเมื่อกลางเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา ซีไอเอจัดทำคลิปเป็นภาษารัสเซีย ส่งเสริมให้ประชาชนในรัสเซียติดต่อ “ผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ตที่ปลอดภัย” มายังซีไอเอ เพื่อแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจ ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน โดยมีการระบุอย่างมีนัยว่า “ข้อมูลเหล่านั้นอาจมีประโยชน์มากกว่าที่คิด”
การแสดงทรรศนะล่าสุดของเบิร์นส์ต่อวิกฤติการณ์ระหว่างรัสเซียกับยูเครน เกิดขึ้นเพียงวันเดียว หลังมีรายงานว่า ผู้อำนวยการซีไอเอเดินทางไปยังยูเครน เพื่อพบหารือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลเคียฟ และภารกิจครั้งนี้ เกิดขึ้นภายในระยะเวลาไม่นาน ก่อนนายเยฟเกนี พริโกซิน ผู้นำกองกำลังทหารรับจ้าง “วากเนอร์” พยายาม “ก่อกบฏทางอาวุธ” ต่อกระทรวงกลาโหมรัสเซีย เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ที่ผ่านมา
The director of the CIA reached out to his Russian counterpart in the aftermath of the failed Wagner Group mutiny, saying the U.S. had no involvement in the chaos https://t.co/SqMXfxYnA9
— The Wall Street Journal (@WSJ) June 30, 2023
กระนั้น นับตั้งแต่ผ่านพ้นกรณีระหว่างกระทรวงกลาโหมรัสเซียกับวากเนอร์ รัฐบาลวอชิงตันแสดงออกอย่างชัดเจนมาตลอด ว่าไม่มีความเกี่ยวข้องไม่ว่าในทางใดทั้งสิ้น โดยสื่อกระแสหลักหลายแห่งของสหรัฐรายงานว่า เบิร์นส์โทรศัพท์สายตรงถึงนายเซอร์เก นาริชกิน ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองต่างประเทศของรัสเซีย ( เอสวีอาร์ ) เพื่อ “เน้นย้ำความไม่เกี่ยวข้องของสหรัฐ”.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES