ยังคงเป็นที่สนใจของสังคมไทยอย่างต่อเนื่อง สำหรับ “พลายศักดิ์สุรินทร์” ทูตสันถวไมตรี ที่ถูกส่งไปเป็นทูตสันถวไมตรีที่ศรีลังกาตั้งแต่ปี 2544 ต่อมาได้มีการร้องเรียนเกี่ยวกับการใช้แรงงานที่ค่อนข้างหนัก อีกทั้งไม่ได้รับการดูแล ถูกล่ามโซ่ มีสภาพผอมโซ มีบาดแผลฝีที่สะโพก และขาบาดเจ็บ ก่อนที่หลายฝ่ายร่วมกันผลักดันทวงคืนพลายศักดิ์สุรินทร์ กลับคืนสู่บ้านเกิด ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
แต่ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 ก.ค. โลกออนไลน์ต่างเกิดกระแสวิจารณ์สุดหดหู่ใจขึ้นอีกครั้ง ภายหลังจากที่ อาจารย์ ดร.ชญาน์นันท์ อัศวธรรมานนท์ อาจารย์ประจำสาขาพระพุทธศาสนา-วิทยาลัยสงฆ์ ได้ออกมาเผยข้อมูลถึง “พลายประตูผา” อีกหนึ่งช้างไทยในศรีลังกา ที่อายุมากและบาดเจ็บ ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ อีกทั้งยังถูกพาออกนอกพื้นที่ ไม่ให้เจอเจ้าหน้าที่ไทย
โดยอาจารย์ ดร.ชญาน์นันท์ ระบุว่า “พลายประตูผาถูกย้ายไปอยู่สถานที่แห่งนี้ ดูชื่อและแผนที่ แต่รู้แล้วก็ไม่สามารถช่วยประตูผาได้ หรือยังอยู่วัดเล็กๆ ใกล้ตลาดและขนส่งเมืองแคนดี้ เพราะตกมันก็เป็นไปได้ด้วย..” เขาควรได้รับการดูแลที่ดีกว่าที่เป็นอยู่..จำเป็นอย่างยิ่ง พลายประตูผาไม่มีโอกาสได้พบคณะบุคคลสำคัญจากประเทศไทย.. เชือกที่ควรห่วงใยและควรได้เยี่ยมได้เห็นคือเชือกนี้.. #พลายประตูผาเขาไม่ได้ดูดีและแข็งแรงแม้เพียงครึ่งของพลายศรีณรงค์
ทำไมหรือช้างตกมัน..เยี่ยมไม่ได้..? ก็ไปมา 2 รอบแล้ว.. นั่งคุยนั่งเฝ้าช้างตกมันใกล้ๆ..เป็นมิตรดีมากสะบัดหูแกว่งหางยามได้กินกล้วยกินผลไม้ ช้างไทยพลายประตูผาควรเปิดเผยให้สาธารณชนเห็นร่างกายและรอยแผล แต่ทำไม่ได้ใช่ไหม? ทำไมจึงเปิดเผยไม่ได้?????? ได้ไปเห็นมาแล้วแย่น้อยกว่าศักดิ์สุรินทร์และไม่มีใครพาเขากลับประเทศไทย #ให้พลายประตูผาได้รับเพียงการเยี่ยมเยียนก็ยังดี เพื่อช่วยคลายโซ่ที่มัด 3 ขา จนเป็นแผลและรอยแผลยับเยิน และรีบใช้ยาดีและสัตวแพทย์ช่วยกันรักษานะคะ กล้าหาญเพื่อพลายประตูผาอีก 1 เชือกที่กำลังรอคอยคนไทยนะคะ
นอกจากนี้ ดร.ชญาน์นันท์ ยังเผยพิ่มเติมอีกด้วยว่า “ระบบและวัฒนธรรมการมัดโซ่คือสิ่งที่เป็นปัญหา ประกอบกับศักยภาพทำได้แค่นี้ หรือใส่ใจน้อยไป ทำอย่างนี้เลี้ยงอย่างนี้ มัดอย่างนี้เป็นปกติจนชินชา คือสาเหตุ #เพราะประตูผาคือช้างท้ายขบวนไม่ได้สลักสำคัญอะไรเลย ผู้คนเพิ่งจะหันมามองพลายประตูผาไม่นานมานี้เอง..แต่ก็ยังไม่สายเกินไป อนึ่งแผลทางกายมองเห็นชัดบ่งบอกว่าผ่านความทุกข์ยากอะไรมา แต่ไม่เท่าแผลทางใจของช้าง..2 สิ่งนี้ที่ต้องเยียวยาและทำให้ประตูผารู้ว่า เขายังมีคนไทยรักและทำเพื่อเขา ท่านทูตประตูผาซึ่งชรากว่าใคร ทำงานมานานก่อนใคร เขาต้องเกษียณและได้พักอย่างมีคุณค่า ตั้งตารอแม่พระของช้างคุณหนูนาศิลปอาชา จะไปช่วยกอบกู้พลายประตูผา เช็ดน้ำตาและเลือดให้กับเขาเร็วๆ นี้”..
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก @Chayanan Assawadhammanond