หากเอ่ยชื่อ “ธีระชัย แสนแก้ว” เชื่อว่าในแวดวงการเมืองคงพอจะมีคนรู้จักประมาณหนึ่ง แต่หากเป็นชื่อ “อีโต้อีสาน” เข้าใจว่าคนทั่วประเทศต้องนึกออกทันที เพราะชื่อนี้ ติดทำเนียบนักการเมืองแถวหน้าของเมืองไทยไปแล้ว โดยแจ้งเกิดตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย โดยได้รับฉายา “อีโต้อีสาน” ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย เคยได้รับเกียรติสูงสุดในชีวิต ดำรงตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์


ถึงแม้ช่วงหนึ่ง “อีโต้อีสาน” จะเจออุบัติเหตุทางการเมือง ไปหลบเลียแผลใจในชายคาบ้านเลขที่ 109 เป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน แต่ก็มีความสุขเล็กๆ กับ “สมาคมชาวไร่อ้อย” ก่อนที่จะกลับมาขึ้นบ้านหลังใหม่ “ภูมิใจไทย” แต่เส้นทางการเมืองกลับไม่สวยหรูอย่างที่หวัง พ่ายแพ้การเลือกตั้งในปี 2562 ล่าสุดกลับมาทวงเก้าอีกครั้งหนึ่งในนาม ส.ส.อุดรธานี เขต 7 พรรคเพื่อไทย กลับมาทวงคืนเก้าอี้ ส.ส. คราวนี้ คงไม่แปลกที่จะมีบางคนตั้งฉายาให้ “อีโต้อีสาน” อีกฉายาหนึ่งว่า “แมวเก้าชีวิต”


นายธีระชัย แสนแก้ว ปัจจุบัน 66 ปี สำเร็จการศึกษาวิทยาศาสตรบัณฑิต จากสถาบันราชภัฏอุดรธานี และระดับปริญญาโท สาขาสังคมสงเคราะห์ในกระบวนการยุติธรรม จากคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 2562 ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษารองประธานสภาผู้แทนราษฎร ต่อมาในปี พ.ศ. 2565 ได้ย้ายไปสังกัดพรรคเพื่อไทย


“ผมสนใจการเมืองมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมศึกษา ศรัทธาในการปกครองรูปแบบประชาธิปไตย เรียนจบปริญญาตรีราชภัฏอุดรธานี ศึกษาจบปริญญาโท มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เคยเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วน จ.อุดรธานี (ส.อบจ.) ช่วงปี 2538-2543 ถึงปี 2544 สมัยท่านทักษิณ ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ได้มอบหมาย พลเอก ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา มาสแกนหาสมาชิกพรรคและผู้สมัคร ส.ส. โดยเฉพาะในกลุ่มนักการเมืองท้องถิ่น เห็นเป็นโอกาสดีจึงสมัคร ซึ่งในสมัยนั้นพื้นที่ จ.อุดรธานี มี 8 เขตเลือกตั้ง ผลปรากฏว่าได้เป็น ส.ส.สมัยแรก”


ส.ส.ธีระชัย เล่าความเป็นให้ฟังอีกว่า ปี 2545 ได้รับการวางตัวเป็นผู้อภิปราย ประเด็น “รวยเพราะโกง จนเพราะโกง” อย่างดุเดือดกับพรรคฝ่ายรัฐบาล จนสื่อมวลชนให้ฉายาว่า “อีโต้อีสาน” ซึ่งคงจะมีการเปรียบเทียบเปรียบเปรยกับ “มีดโกนอาบน้ำผึ้ง” ของนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์


“ในปี 2548 มีการเลือกตั้ง ก็ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนเลือกให้เป็น ส.ส.อีก ปี 49 ถูกยึดอำนาจ พรรคไทยรักไทยเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคพลังประชาชน สมัยนายสมัคร สุนทรเวช เปลี่ยนผ่านมาถึงนายสมชาย วงษ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยได้รับตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ ก่อนที่จะประสบอุบัติเหตุการเมืองอีกครั้ง ถูกยุบพรรค และถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี เนื่องจากมีตำแหน่งเป็นกรรมาธิการพรรคพลังประชาชน”


เจ้าของฉายาอีโต้อีสาน กล่าวต่อว่า หลังจากถูกตัดสิทธิทางการเมือง ได้ไปทำกิจกรรมกับเกษตรกร ชาวไร่อ้อย ยางพารา เป็นประธานสมาคมชาวไร่อ้อย เคลื่อนไหวทางการเมืองกับแกนนำ นปช.ภาคอีสานหลายคน ก่อนที่ชีวิตจะพลิกผัน เส้นทางการเมืองนอกสภา มีทั้งสุข ทุกข์ พบเจอกับอุปสรรค ขวากหนามหลายอย่าง พอได้รับการชักชวนจากอดีตนักการเมือง และนักการเมืองที่นับถือหลายคน ซึ่งได้ย้ายไปเข้าพรรคภูมิใจไทย จึงย้ายไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ด้วยคน โดยในปี 2562 มีการเลือกตั้ง ส.ส. ก็ได้ลงสมัครอีกครั้ง หวังกลับมาเกิดใหม่ในเขตเดิม ในนามพรรคภูมิใจไทย ผลการเลือกตั้งกลับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้กับผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย


“ถึงแม้จะไม่สมหวัง แต่ก็ยังได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ต่อมาในปี 2565 ก็ได้ย้ายกลับมาสังกัดพรรคเพื่อไทย เพราะเห็นว่าอุดรธานี ยังเป็นเมืองหลวงของคนเสื้อแดง ยากยิ่งนักที่จะเปลี่ยนความคิด ทัศนคติ มุมมอง ของพี่น้องประชาชนชาวอุดรธานีเป็นอื่น และเมื่อเห็นทิศทางการเมือง มีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง โดยเพิ่มเขตเลือกตั้งขึ้นอีก ซึ่งพื้นที่ จ.อุดรธานี เดิมมี 8 เขต เพิ่มขึ้นอีก 2 เขตเป็น 10 เขต พอจะมีการเลือกตั้งใหม่ จึงไม่ลังเลที่จะตัดสินใจกลับบ้านใหญ่หลังเดิม โดยเลือกลงสมัคร ส.ส.เขต 7 ซึ่งมองว่าจะสอบผ่านได้สบาย เนื่องจากมีสมัครพรรคพวก และเกษตรกรผู้ปลูกอ้อย ชาวสวนยางพารา และเครือข่าย ที่มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับตนอยู่แล้ว”


ส.ส.ธีระชัย ยังกล่าวอีกว่า นโยบายของพรรคเพื่อไทย เป็นนโยบายที่กินได้ พี่น้องประชาชนเชื่อมือ เชื่อมั่นมาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย เป็นรัฐบาล เพราะสามารถทำได้จริง เป็นรูปธรรม เช่น นโยบายปราบปรามยาเสพติด ราคาผลผลิตภาคการเกษตร เช่น ข้าว อ้อย มันสำปะหลัง มีปะกันราคาที่สูง แน่นอน เกษตรกรมีกำไร ในขณะที่นโยบายใหม่ เหมาะสม สอดคล้องกับยุคสมัย เช่น กระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ก็โดนใจชาวบ้าน การนำนโยบายเก่าๆ ที่ได้ผล มาผสมผสานกับนโยบายใหม่ๆ ของพรรคเพื่อไทย มาบอกต่อพี่น้องประชาชน ถือเป็นข่าวดีมากๆ ในช่วงหาเสียง อาจจะมีใครจะว่าเอาของเก่ามาขายก็ไม่เป็นไร แต่ผมว่าเอาบุญเก่ามาหากิน ซึ่งก็ได้ผลนะ เห็นไหมผมได้คะแนนนำเป็นที่ 1 ถึง 33,985 คะแนน และทำคะแนนระบบบัญชีรายชื่อได้ถึง 36,000 คะแนนทีเดียว ก็ต้องขอกราบขอบคุณแทบตักพี่น้องประชาชน ที่ให้โอกาสและมอบความไว้วางใจให้ผมกลับมาเป็น ส.ส. อีกครั้ง


“ในช่วงหาเสียงที่ผ่านมานั้น ผมและทีมงานได้เปิดเวทีปราศรัย 83 จุด มีพี่น้องประชาชนจาก 236 หน่วยในทุกหมู่บ้านมาให้กำลังใจ มาร่วมทำสัญญาประชาคมต่อกัน ว่าเราจะเลือกพรรคและผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ การลงสมัคร ส.ส.เขต 7 ครั้งนี้ มีคู่แข่งจากพรรคภูมิใจไทย และพรรคก้าวไกล เป็นคู่ชิงดำ อย่างไรก็ตาม จากการที่นำนโยบายดีๆ ของพรรคเพื่อไทย และอุดมการณ์ในการทำงานการเมืองที่ยึดพี่น้องประชาชนเป็นหลัก การหาเสียงก็ไม่กดดัน กระทั่งถึงวันแห่งชัยชนะ ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส.อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นสมัยที่ 4”


ทั้งนี้ การทำงานในหน้าที่ผู้แทนของพี่น้องประชาชน เบื้องต้นก็ต้องรอดูนโยบายของรัฐบาล และจะเสนอโครงการที่สอดคล้องเข้าไปให้รัฐบาลพิจารณาดำเนินการ วาระเร่งด่วนก็คงจะเป็นการหามาตรการปราบปรามยาเสพติด ซึ่งทุกคนตระหนักกันดี และ ส.ส.ทุกคนต้องพูดถึง และจะหยิบยกมาเสนอ เพื่อให้รัฐบาลกำหนดมาตรการปราบปรามขั้นเด็ดขาด นอกจากนี้ก็ยังมีปัญหาเรื่องปากท้อง โครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อการอุปโภคบริโภคและการเกษตร โดยเฉพาะในปีนี้องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก ได้ออกประกาศเตือนถึงปรากฏการณ์เอลนีโญที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ที่จะเกิดภาวะภัยแล้งอย่างรุนแรง รัฐบาลต้องเร่งรัดจัดงบประมาณลงมา เพื่อการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งน้ำ ป้องกันปัญหาพี่น้องประชาชนจะได้รับผลกระทบและเดือดร้อน


สำหรับภาคเกษตรกรรมนั้น ก็ยังจะติดตามการช่วยเหลือจากทางรัฐบาล ในส่วนของเงินช่วยเหลือ และเงินประกันรายได้ ให้ชาวไร่อ้อย เช่น โครงการตัดอ้อยสดลดมลพิษ PM2.5 ที่รัฐบาลค้างจ่ายกว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะต้องมีการติดตามกันต่อไป รวมทั้งหลักประกันอาชีพและผลผลิตของชาวไร่มัน ยางพารา และผลผลิตอื่นๆ ด้วย


“ภาพที่อยากจะเห็น และจะผลักดันให้เกิดขึ้นคือ จ.อุดรธานี จะต้องเป็นศูนย์กลางการขนส่ง ศูนย์กลางยางพาราและพืชผลการเกษตรทั้งหมด ซึ่งจะต้องพัฒนาเป็นนิคมอุตสาหกรรม รถไฟความเร็วสูงจำเป็นต้องมี ปัจจุบันทราบว่ารถไฟความเร็วสูงจากจีน เชื่อมมาถึง สปป.ลาว แล้ว หากสามารถเชื่อมต่อกับหนองคาย-อุดรฯ ก็จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของเมืองไทยเรามาก นอกจากนี้ยังจะผลักดันให้มีการต่อตั้งมหาวิทยาลัยอุดรฯ ให้เป็นศูนย์กลางการศึกษาระดับอินโดจีน มีการบันทึกข้อตกลงระหว่างประเทศ เปิดโอกาสให้นักศึกษาจาก สปป.ลาว เวียดนาม เข้ามาเรียน เพื่อนำเงินเข้าสู่ประเทศอีกทางหนึ่ง”


ส.ส.ธีระชัย เจ้าของฉายาอีโต้อีสาน กล่าวทิ้งท้ายว่า การทำหน้าที่ ส.ส.ครั้งนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ตนเคยทำมาแล้ว ตนจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อเรียกร้องความเชื่อมั่น และความคาดหวังของพี่น้องประชาชนเป็นความจริงให้ได้ ขณะที่ เป้าหมายชีวิตของนักการเมืองทุกคน ต้องการประสบกับความสำเร็จในชีวิต และสร้างคุณประโยชน์ไว้ให้แผ่นดิน ทั้งนี้ ตนเคยทำหน้าที่ รมช.เกษตรและสหกรณ์, อดีตกรรมาธิการพรรคพลังประชาชน และอดีตที่ปรึกษารองประธานสภาผู้แทนราษฎร มีความรู้ มีประสบการณ์ คิดใหญ่ ทำเป็น จึงพูดได้อย่างเต็มปากว่า พร้อมที่จะเป็นรัฐมนตรี ซึ่งรอแต่เพียงคนแต่งตั้งเท่านั้น

———————–

เสี่ยวหลงเปา