วันนี้ (วันที่ 6 ก.ค.) จากกรณี  ไอซ์-ปรีชญา พงษ์ธนานิกร นางเอกชื่อดัง ถูกพบว่าช็อกหมดสติในห้องนอนที่บ้าน เมื่อเย็นวันที่ 4 ก.ค. ที่ผ่านมา และถูกนำส่งโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ด้วยอาการชีพจรเต้นอ่อน แพทย์นำเข้าห้องไอซียู พร้อมใส่เครื่องช่วยหายใจ ท่ามกลางความเป็นห่วงของครอบครัว เพื่อนพ้องและแฟนคลับ ซึ่งต่อมา คุณแม่ บังอร พงษ์ธนานิกร แม่ของไอซ์ ได้เปิดเผยว่าอาการของไอซ์ ออกจากห้องไอซียู ส่วนสาเหตุที่หมดสติ เกิดจากไอซ์เครียดมาก เพราะเจอมรสุมชีวิตถาโถมเข้าหลายเรื่องช่วงนี้ อีกทั้งคุณพ่อเป็นโรคหัวใจ หนักถึงขั้นใส่ขดลวดเข้าหัวใจแล้ว มีโอกาสเสียชีวิตได้ตลอดเวลา และคุณแม่ก็ป่วยเป็นมะเร็งที่ตับ ล่าสุด “บันเทิงเดลินิวส์” อัปเดตอาการของไอซ์อีกครั้ง ซึ่งพบว่าอาการดีขึ้นมาก คาดว่ากลับบ้านได้วันนี้ นอกจากนี้ยังสอบถามความคืบหน้า กรณี กรมโรงงานอุตสาหกรรม เตรียมแจ้งความนางเอกสาว ฐานใช้สารไซยาไนด์ผิดวัตถุประสงค์ด้วย

คุณแม่บังอร เปิดเผยว่า สำหรับอาการของไอซ์ ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้วค่ะ รอคุณหมอจะอนุญาตให้กลับมาบ้านได้ คาดว่าน่าจะออกจากโรงพยาบาลได้วันนี้ ในส่วนสุขภาพใจของไอซ์ อย่างที่แม่ได้บอกไป เขาเกิดภาวะความเครียดแบบรุนแรงมาก จากคอมเมนต์ที่แย่ ๆ ที่ซ้ำเติมเขา ที่ดูถูก ดูหมิ่นเขาต่าง ๆ นานา ทำให้เขาตกอยู่ในสภาพนั้น ประจวบกับการที่เขาก็เครียดในเรื่องของคุณพ่อและคุณแม่ที่ป่วยด้วย ส่วนกับแฟนอาจไม่ได้เป็นประเด็นหลัก เป็นเรื่องของเขา และเขาก็ห่าง ๆ กันตอนนี้ ซึ่งเขาก็ไม่ได้อะไร แต่สาเหตุที่เขาเป็นอย่างนั้น เนื่องจากเครียดมาก ๆ ไอซ์ต้องเข้าโรงพยาบาล เพราะเหมือนเราเครียดมาก ๆ ก็คิดมาก ทำให้ทานอาหารไม่ลง นอนไม่หลับ มันเลยทำให้ร่างกายเข้าสู่สภาวะวูบ หมดสติไป

หลังจากที่คุยกับคุณหมอ ก็บอกว่ามันเป็นความเครียดสะสม อยากให้คนใกล้ชิด และที่อยู่รอบด้านเขา ได้ช่วยดูแลใจกัน ให้กำลังใจกน น้องไอซ์เองก็ได้เข้าไปอ่านคอมเมนต์ที่ให้กำลังใจ ก็ทำให้เขาดีขึ้นมากเลย มันเหมือนกับมาทดแทนสิ่งที่เขาต้องเสียใจกับคำพูดเหล่านั้น กำลังใจที่ให้มา แม้กระทั่งบางคนที่เข้ามาแล้วพูดไม่ดี บอกว่าไอซ์เรียกกระแสเหรอ ตอนนี้ช่วงขาลง ทัวร์ก็ไม่ลงคน ๆ นั้นเหมือนกัน ว่าแทนที่จะให้กำลังใจเขา คุณคิดยังไง ตอนนี้มีคนเข้าใจเรา เหมือนปกป้องเรา โต้แทนเรา เขาโอเคขึ้นค่ะ

ถามว่าหลังจากที่น้องไอซ์ได้สติแล้ว ได้พูดคุยอะไรกันนั้น ส่วนตัวแม่ไม่สบาย ก็กลับมาที่บ้าน แต่คนที่อยู่กับน้อง ก็คือคุณพ่อ ซึ่งพอตื่นขึ้นมา เขาก็มองหน้าคุณพ่อ แต่ไม่ได้พูดอะไร แล้วไอซ์ก็บอกให้พ่อกลับบ้านเถอะ ไม่ต้องเฝ้าหนู ไอซ์อยู่ได้ ถ้ามีอะไรไอซ์ก็เรียกพยาบาลได้ ส่วนคุณพ่อก็บอกว่าไม่เป็นไร พ่อจะอยู่เป็นเพื่อนลูก เขารู้ว่าคุณพ่อก็ไม่สบาย เลยไม่ค่อยอยากให้อยู่เฝ้า และถามหาแม่ พ่อก็บอกว่าแม่ไม่สบาย ก็ไม่ได้อยากพูดอะไรมาก ก็บอกว่าแม่ปวดฟัน ปวดหัว พ่อเลยต้องมาดูหนู ซึ่งน้องไอซ์เพิ่งทราบไม่นานว่าแม่ป่วยเป็นมะเร็ง เพราะตอนที่มีปัญหากันเยอะ ๆ มีกระแสเรื่องนั้นเรื่องนี้ แม่ก็ไม่บอก มันจะยิ่งทำให้เขาเครียดหนักมากขึ้น ด้วยความที่ไอซ์จะสนิทกับแม่มาก อย่างการไปโรงพยาบาล คนที่เฝ้าต้องเป็นแม่ แม่จะรู้ใจเขา จัดการได้ทุกอย่างโดยที่ไม่ต้องให้เขาบอก เดี๋ยวเขาจะรู้สึกว่า ในระหว่างที่เขากำลังเจอปัญหาแบบนี้ แล้วแม่ไปบอกเขาอีกว่าแม่ป่วย มันจะยิ่งไปกันใหญ่ แต่มันจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตรงที่ว่ายังไงแม่ก็ต้องแอดมิต เดี๋ยวอาการเราหนักขึ้น เราก็จะไม่ไหว ตอนนี้แม่ก็ทานมอร์ฟีนเม็ดอยู่ ถ้าเราจำเป็นต้องแอดมิต ก็จำเป็นต้องบอกเขาอยู่ดี

กรณีของคุณพ่อเองก็ยังไม่รู้ เขาไม่อยากเป็นภาระให้ลูกเหมือนกัน เพราะคุณหมอบอกว่า อาการของคุณพ่อนั้น คุณหมอได้ลดความดันให้ต่ำลง เพื่อให้หัวใจทำงานน้อยลง เพราะฉะนั้นคุณพ่ออาจเกิดอาการวูบได้ ก็ห้ามขับรถ ห้ามยกของหนัก หรือห้ามมีเรื่องอะไรกระทบจิตใจ ตรงนี้เป็นสิ่งที่ไอซ์ก็รู้ เพราะเขาอยู่ในห้องตอนที่คุณหมอพูด หมอบอกว่าตอนนี้ยาคือพระเอกเลยนะ ขาดไม่ได้เลย ยามี 5 ตัว แต่ตัวที่ขาดไม่ได้เลยคือยาละลายลิ่มเลือด ต้องทานตลอดชีวิตเลย คุณพ่อออกมา แกก็พูดลอย ๆ ว่าฟังพ่อนะ ทั้งสองคนเลย ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อ ไม่ต้องกู้นะ ตอนที่คุณพ่อเคยช็อก ก็ไปช็อกที่โรงพยาบาล เนื่องจากแม่จะไปหาคุณหมอเหมือนกัน เลยปั๊มคุณพ่อขึ้นมาได้ คุณพ่อก็สั่งไว้ว่าไม่ต้องกู้ ก็เป็นสิ่งที่ไอซ์รับรู้มา ในเวลาที่เขาต้องเจอเรื่องต่าง ๆ นานาแบบนี้ มันเลยทำให้แม่ยังไม่กล้าที่จะพูด

แต่ในที่สุด มันผ่านเรื่องตรงนี้ไปแล้ว แม่ก็ไม่รู้หรอก เขาเป็นคนคิดมาก เวลาที่เขาเครียด เขาก็ไม่พูด จะเก็บตัวในห้อง กับภาวะซึมเศร้า ซึ่งมันก็ไม่ได้มีผลมากแบบเข้าขั้นวิกฤติรุนแรง เพราะยาที่ทานก็เป็นยาคลายเครียด ลดความวิตกกังวล ยาช่วยให้หลับ ก็ถามคุณหมอเหมือนกันว่ามันหนักไหม มีอะไรที่แม่ต้องควรปฏิบัติกับเขายังไง คุณหมอก็แนะนำเรื่องการพูด การให้กำลังใจเขา เพราะคนที่ป่วยโรคนี้อยู่แล้ว คำพูดแบบนี้ มันพูดไม่ได้ มันไม่ได้ช่วยให้เขาดีขึ้น ก็อย่าไปพูด ซึ่งคุณหมอก็ปรับยาให้ทานมาตลอด ว่าอาการเป็นยังไง แต่ความเครียดมันเป็นตลอดเวลา มันมีเรื่องนั้นเรื่องนี้เข้ามาให้เครียดอยู่เรื่อย ๆ

บางทีถ่ายละครกลับมา ก็นั่งร้องไห้อยู่บ้านบอกว่า วันนี้ไอซ์เกือบตายแล้วแม่ เราก็ถามว่าทำไมล่ะ เขาก็บอกว่ามันมีฉากเขากดน้ำ แต่ตัวสแตนด์อินเขาผิดคิว ไม่รู้จังหวะ เขากดลงไป เราเองก็อยู่ในนั้น ก็หายใจได้จำกัด ผู้กำกับไม่สั่งคัตสักที เราแทบจะขาดใจ สำลักน้ำขึ้นมา อุบัติเหตุในกองถ่ายก็เยอะ เดิน ๆ อยู่คนอื่นไม่โดน แต่ไอซ์โดนของหล่นใส่ลงมา ข้อเท้าแตก มันก็เหมือนซวย มันเลยกลายเรื่องที่สะสม ส่วนตัวแม่ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องป่วยมาก จริง ๆ แม่ไม่อยากพูดเลยในรายการข่าวของพี่หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย แม่ไม่อยากบอกว่าเป็นมะเร็งตับ แม่แค่อยากบอกว่าแม่ป่วยหนัก เราก็อยากเก็บไว้เป็นส่วนตัวก่อน เพราะยังไม่อยากให้น้องไอซ์รู้ด้วย ก็เลยรู้

ส่วนกรณีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เตรียมแจ้งความน้องไอซ์ จริง ๆ เรื่องนี้เขาก็ออกข่าวว่าจ่อดำเนินคดี ทั้งที่ตำรวจก็ไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาเรานะคะ ซึ่งเราก็ผิดจริง ๆ ใครก็แล้วแต่ที่สารดังกล่าวไว้ในครอบครอง มันผิด ผิดอีกอย่างคือเราจะนำมาใช้ผิดวัตถุประสงค์ เช่น นำมาไล่สัตว์ ซึ่งหลายคนก็ไม่รู้หรอก เราก็ไม่ต้องไปเล่ารายละเอียดให้ใครฟัง เพราะว่าลองทุกวิถีทางแล้ว ทั้งผงกำมะถัน ทุกอย่างก็ลองหมด บางคนก็บอกว่าเราใจร้าย จะฆ่าสัตว์ แต่ว่างูเห่าอย่างนี้ มันอยู่ในบ้าน จะเปิดประตูไปฉกเมื่อไหร่ ที่แม่รู้ว่าเป็นงูเห่า เพราะว่ามันแผ่แม่เบี้ย และเราเลี้ยงน้องหมาหลายตัวเยอะแยะแบบนี้ มันก็ฉกตายไป ฉกตาบอด เช้ามาเขาก็ตาย ตัวเงินตัวทอง ก็ไม่ใช่ตัวเล็ก ๆ ตัวในคลิปนั้นตัวลูกนะ ตัวใหญ่ ๆ นี้ขึ้นมากัดกันบนสนามเลย พังหมดเลย เราก็ไม่รู้ว่าตัวนี้มันเป็นยังไง มันเป็นผง หรือเป็นน้ำ จนกระทั่งนักวิชาการออกมาพูดว่าแค่สูดดม เข้าไปใกล้หรือสัมผัส ก็ตายได้แล้ว เห็นขวดแล้วกลัว มันเป็นตัวเดียวกันกับในข่าวของทางโน้นเลย เราเลยไม่กล้าไปแตะเลย แต่สังคมตัดสินเราไปแล้ว เพราะอะไร วิพากษ์วิจารณ์ต่าง ๆ นานา มันก็เป็นเรื่องความคิดของคน เราไปห้ามใครเขาไมได้

แต่คำพูดที่รุนแรงที่โยงไปถึงการฆ่าผู้จัดการตัวเอง มันไม่ใช่เลย ถ้ามันไม่มีกระแสเรื่องแอมขึ้นมา มันก็ไม่มีการไปพูดถึง และมันโยงใยจนกระทั่งเอาชื่อน้องกับผู้จัดการขึ้นมา มีชื่อของน้อง และเขียนจงวิเคราะห์ดูว่า ผู้จัดการตายกะทันหันในเวลาเดียวกันกับเหยื่อรายแรก ๆ ของแอม อย่างพี่สาวของเขา พอนักข่าวไปสัมภาษณ์ คิดไหมว่าไอซ์จะใช้ไซยาไนด์กับน้องสาวของตัวเองที่ตาย เขาบอกเขาคิด เอ้า! ตัวเองเป็นพี่สาว ไม่รู้ว่าน้องของตัวเองเจ็บป่วยมา 7-8 ปีในโรงพยาบาล ประวัติการรักษาก็มี แม่ก็ไปที่โรงพยาบาล เลยต้องออกมาโต้เดือดเลย

แม่กับเขาคุยกันเป็นส่วนตัวว่าคุณไม่รู้ว่านะว่าแม่กับโก้ (ผู้จัดการ) ทำอะไรกันบ้าง ตัวคุณไม่รู้ เพราะอยู่ต่างจังหวัด แต่ส่วนน้องอีกคนเข้าใจ ออกมาแก้ข่าวเอง บางคนออกมาพูดทำไมไม่มีน้ำใจ ไม่มางานศพ ก็มาได้ยังไง ติดถ่ายละคร มากองถ่ายเขาก็เสียงาน น้องก็มางานศพวันสุดท้าย แม่ยังรอขอเปิดดูโลงได้ไหม พอเปิดแล้วเห็นแม่กับกับน้องก็ร้องไห้ เพราะชุดที่โก้ใส่เป็นชุดที่แม่ซื้อให้เขา มันหลาย ๆ อย่าง มันไม่ควรไปโยง ถึงทำให้เขาเครียด เขาถึงได้ร้องไห้ในรายการ พอร้องไห้คนก็ไปดราม่าอีก บอกว่าบีบน้ำตา ตัวเองไม่ได้ทำผิดจริง แล้วกลัวทำไม อะไรแบบนี้ ตอนนี้ก็เรียกไอซ์ ไซยาไนด์ ไปแล้ว งานก็ถูกแคนเซิล เพราะกระแสไซยาไนด์ ละครก็เลื่อนออนแอร์ไป มันเลยกระทบมากกับตรงนี้ เลยเป็นสภาวะที่เครียดรุนแรง ไม่อยากกิน นอนไม่หลับ คิดวนไปวนมา เลยเกิดอาการแบบนั้น

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า หลังจากนี้ จะทำอย่างไรต่อไป กับกรณีที่มีข่าวกรมโรงงานอุตสาหกรรม เตรียมแจ้งความดังกล่าวนั้น คุณแม่ไอซ์ กล่าวตอบว่า ตอนนี้ก็มีข่าวออกมาว่ากรมโรงงานฯ จ่อดำเนินคดีกับไอซ์ แต่ในทางของเรา เราก็เตรียมเอกสารต่าง ๆ หากเกิดมีหมายเรียก หรืออะไรมา ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีอะไรมา แม่ก็ยังรู้สึกว่า ทำไมคนซื้อเกลื่อนกลาดไปหมด แต่เล่นไอซ์คนเดียว กลายเป็นกระแสขึ้นมา แต่กระแสมันไปทางลบ ทำให้น้องซวย ก็ยังคุยกับลูกว่าทำไมเราจังหวะนรกจังเลย มันเป็นจังหวะที่รู้ทั้งรู้ เขาออกข่าวทั่วบ้านทั่วเมือง รู้อยู่ค่ะ แต่ไม่คิดว่าเขาจะเอาเราไปโยง เราแค่จะเอามาไล่สัตว์ ได้กลิ่นมันคงไปมั้ง แต่เราลองหลายวิธีแล้ว บางคนบอกว่าเขาไม่มีใครทำหรอก คุณรู้ไหมว่าเราลองหมดแล้ว แต่มันมีหลายทางที่มันเข้ามาได้ เราไม่รู้ว่ามันมาจากตรงไหน

ที่น้องไอซ์ไปใช้ไซยาไนด์ เขาก็ฟังจากที่คุณแม่พูด คือคุณตาของเขา เป็นคนสมัยก่อน เขาก็ใช้ไซยาไนด์ฆ่าพวกหนูในนา แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนสูตรไปแล้ว ณ ปัจจุบัน เขาไม่ใช้ตัวนี้ ในการที่จะกำจัดแล้ว จะใช้อุตสาหกรรมมากกว่า แม่ก็ไม่รู้มันเปลี่ยนสูตร แต่แม่เห็นคุณตา แถวบ้านที่เขาทำนา ทำไร่ ก็ใช้ไซยาไนด์ในสมัยก่อนจริง ๆ ไอซ์ได้ยินแม่พูดแบบนี้ ซึ่งมันเป็นยังไง ก็ยังไม้รู้ จะเป็นน้ำ เป็นผง เป็นเม็ด ไม่รู้หรอกค่ะ แต่ก็เห็นในข่าวที่เป็นขวด ซึ่งตอนแรกเราไม่รู้ว่าตัวที่เราสั่งมา กับตัวที่เป็นข่าวมันเป็นตัวเดียวกัน เพราะเราเสิร์ชคำว่าไซยาไนด์ มันก็ขึ้นเลย เราเลยสั่งมา แม่บ้านเปิดกล่องออกมา เป็นตัวเดียวกันเลย จึงไม่กล้าเลย กลัวไปหมด ถึงต้องเอาไปให้ตำรวจ

ทีนี้ตำรวจไม่ได้แจ้งข้อหากับเราเลย เขาดูที่เจตนาของเรา และเราก็ไมได้ครอบครองเยอะ เรามีขวดเดียว แล้วกรมโรงงานฯ ก็มีจุดรั่วของเขา ตรงที่เขาไม่ได้ออกกฎระเบียบตรงที่คนมีสิทธิครอบครองไซยาไนด์ ที่ใช้ในอุตสาหกรรม ห้ามขายให้บุคคลภายนอก หรืออะไรแบบนี้ มันถึงได้ขายกันเกลื่อนไปหมด อย่าว่าเป็นไซยาไนด์เลย อย่างอื่นที่ผิดกฎหมายก็ขายกันเกลื่อนกลาดไปหมด ยาบ้า ปืนผาหน้าไม้ ก็ยังมีซื้อกันเกลื่อนกลาด มันเลยเป็นอะไรที่เราซวยจริง ๆ ตอนนี้ทนายก็ให้รอดูว่าจะมีหนังสือเรียกให้ไปดำเนินคดี ขึ้นศาลหรือเปล่า หรืออีกเคสหนึ่ง เราอาจไปพบกรมโรงงานฯ ก่อน เพื่อขอทราบรายละเอียดว่าเขาจะดำเนินคดีกับเราในรูปแบบไหน ก็เตรียมไว้แบบนี้ มี 2 กรณีว่าจะยังไงต่อ ซึ่งไอซ์ก็เครียด มันเป็นความซวยของเรา

สำหรับตอนนี้ทุกคนก็ให้กำลังใจแล้ว เข้าใจแล้ว อย่างที่บูลลี่หน้ามาก่อนโน้น เขาจะได้รู้สักทีว่าสาเหตุเบื้องต้นมาจากอุบัติเหตุร้ายแรง ที่แทบเอาชีวิตไม่รอด ถ้าเห็นสภาพรถเป็นก้อนเลย มันเลยต้องปรับเปลี่ยนหน้า ทำงานในวงการด้วย มันผ่าตั้งคิ้ว ตา ลงมาแก้ม เนื้อที่หน้าหายไปเลย ไหปลาร้าหัก ซี่โครงหักไปทิ่มปอด ปอดฉีก ขาหัก กระดูกแขนหัก หมดทั้งแถบด้านขวาที่เป็นคนขับ นั่นคือจุดเริ่มต้นที่เขาต้องทำ โดยที่คนก็ไม่รู้ หาว่าเขาเสพติดศัลยกรรม พอมันทำแล้วดั้งมันลงไปบ้าง เราก็ไปทำให้มันขึ้นมา คนเราถ้ายังจะอยู่ในวงการ หน้าเสียโฉมจะทำงานต่อได้ยังไง มันก็ต้องทำ

คนก็มาบอกว่าทำไมไปทำหน้า หน้าเก่าสวยกว่า เปลี่ยนอย่างนั้นย่างนี้ ทำหน้ามาน่าเกลียด ซึ่งบางทีอาจเป็นเพราะแต่งหน้า หรือมุมกล้อง บอกว่าไปฉีดคางซะยาว สารพัดจะวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งตรงนี้เขาชิน เขาถูกบูลลี่มา 4-5 ปี เขาก็ปล่อยเลย เรื่องหน้าเขาไม่อธิบายอะไรทั้งสิ้น มีแต่บอกในรายการเหมือนกันว่า เขาทำเพราะหน้าเก่ามันเสียแล้ว ต้องทำแล้วทำอีก ตอนแรกก็เริ่มจากโบท็อกซ์ก่อน ฉีดไปปากเบี้ยว จมูกก็แก้ไป 2 ครั้ง นอกจากนั้นก็ทำมาจากที่คุณหมอศัลยกรรมให้

ทั้งนี้ในส่วนของโรคส่วนตัวของแม่ คุณหมอก็บอกว่ามันไม่ได้นะ ตอนนี้ตับแข็งแล้ว ท้องของแม่ก็บวมมาก เหมือนคนท้อง 5 เดือน เพราะพอตับไม่ทำงาน เหมือนใต้ชายโครง บริเวณตับมันโตขึ้นมา มันแข็ง เรากดลงไปก็รู้เลย เพราะมันตายไปแล้ว เหมือนเป็นเนื้อร้ายไปแล้ว คุณหมอบอกว่าต้องรีบ แต่ในส่วนของแม่ทนได้ ขอให้ลูกผ่านคดีไปให้หมดก่อน เพราะเขาไม่มีเพื่อน อย่างวันนั้นที่จะไปออกโหนกระแส และเขาต้องไปอัดรายการที่เวิร์คพอยท์ต่อ และมันเป็นรายการตลก และเราก็แทบตลกไม่ออก แต่งานมันรับไว้แล้ว เขาก็บอกว่าแม่ไปเป็นเพื่อนลูกได้ไหม ลูกไม่รู้จะเจอนักข่าวหรือเปล่า ลูกไม่อยากตอบคำถามอะไรเลย แม่ก็บอกว่าแม่ไปได้

ตอนนี้แม่ก็ทานมอร์ฟีน เวลาไปกับเขา เวลาปวดก็ทาน ก็ยังรอดูว่าสรุปเพราะเราเพิ่งนัดคุยกับทนาย ก่อนที่น้องจะเข้าโรงพยาบาล ทนายก็แพลนไว้ 2 เคส คือรอทางโน้นเรียกมา หรือเราจะไปที่กรมโรงงานฯ เพื่อดูว่าเขาจะดำเนินคดีเราในลักษณะไหน เราจะได้เตรียมสู้คดี เรารู้ว่าเราผิด ถูกดำเนินคดีอยู่แล้ว แต่จะมาในลักษณะไหน เพราะโทษมันจำคุก 3 ปี ปรับ 3 แสนบาท ตรงนี้ก็เลยดูว่ามันไปในทิศทางไหนได้ แม่อยากรอให้จบตรงนี้ เขาจะได้ไม่มีอะไรกังวลตรงนั้น แม่เองถ้าจบเรื่องตรงนั้นไป และแม่เข้ารับการรักษา ก็ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย