จากกรณีหญิงชาวอุดรธานีออกมาเปิดเผยชีวิตแต่งงานกับสามีชาวจีนไปอาศัยอยู่บ้านสามี แล้วถูกทำร้ายร่างกาย ถูกกักขังไว้ในบ้านพักจนต้องหนีออกมาจากบ้านสามี ขอความช่วยเหลือจากสถานกงสุลไทย ให้ช่วยพากลับบ้านเกิด พร้อมกับแฉเรื่องราวแม่สื่อระหว่างหญิงชาวไทยและหนุ่มชาวจีนจนเป็นประเด็นข่าวดังไปทั่วประเทศ

เมื่อวันที่ 7 ก.ค.ล่าสุดสาวไทยสะใภ้คนจีนอีก 1 รายออกมาเปิดเผยข้อมูลอีกด้านหนึ่ง ระบุว่าพ่อสื่อแม่สื่อชาวไทยเป็นเพียงผู้ถูกว่าจ้างจากบริษัทในประเทศจีน มีการเรียกเก็บค่าบริการ 1 ล้านบาท ให้ค่าสินสอดสาวไทย 1 แสนบาทจริง ซึ่งยังมีค่าใช้จ่ายอื่นที่ต้องถูกหักในระหว่างดูตัว และออกเดตกันก่อนย้ำว่าบริษัทหาคู่ถูกกฎหมายในประเทศจีน

โดยผู้สื่อข่าวได้ไปพบกับ น.ส.ดาว อายุ 29 ปี ชาว จ.สกลนคร เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับประเด็นแก๊งแม่สื่อชักชวนแต่งงานกับชายหนุ่มชาวจีน เนื่องจากมีสามีเป็นชาวจีน และเคยใช้บริการบริษัทหาคู่นี้ ก่อนเข้าไปคลุกคลีอยู่ภายในบริษัทดังกล่าวเคยติดต่อชักชวนสาวชาวไทยเพื่อหาคู่มาแล้ว 2 คน เบื้องต้นเดินทางมาประเทศไทยพร้อมกับสามีชาวจีนเพื่อมาร่วมงานศพญาติ ก่อนมีกำหนดเดินทางกลับไปที่ประเทศจีนอีกครั้งในวันที่ 11 กรกฎาคมนี้

น.ส.ดาว กล่าวว่า ตนเองเคยมีสามีชาวไทยมาก่อน มีลูก 3 คน แล้วมาแต่งงานกับสามีชาวจีนเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ผ่านการหาคู่จากบริษัทนี้ ก่อนเลิกรากันไป แล้วค่อยมารู้จักกับสามีคนปัจจุบันแต่งงานอยู่กินด้วยกันจนถึงปัจจุบัน ตนเองพูดภาษาจีนได้ จึงมีคนในบริษัทนี้มาบอกให้ชักชวนสาวไทยมาหาคู่กับหนุ่มชาวจีน เคยแนะนำให้มาที่บริษัท 2 คน ซึ่งนานหลายปีมาแล้ว ตอนนี้ไม่ได้แนะนำใครอีกแล้วบริษัทหาคู่นี้เป็นบริษัทถูกต้องตามกฎหมาย แต่มีไม่เยอะ แต่มีเครือข่ายหาคนมารวมกันมีหนุ่มจีนมาใช้บริการพอสมควร บริษัทนี้ไม่มีการโฆษณา แต่เป็นการบอกกันปากต่อปาก

“บริษัทหาคู่ประเภทนี้ในจีนมีอยู่ไม่กี่บริษัทหนุ่มชาวจีนที่อายุประมาณ 30 – 40 ปี ชอบมาใช้บริการเป็นหนุ่มที่ทำงานแต่ไม่ค่อยมีเวลา และหากจะแต่งกับสาวจีนเอง ก็เป็นไปได้ยากเพราะผู้หญิงน้อยกว่าผู้ชาย และหากต้องแต่งกับสาวจีนในระดับธรรมดาทั่วไป ต้องใช้เงินไม่ต่ำกว่า3 – 5 ล้านบาท หรือหากเป็นหญิงมีความรู้ มีชาติตระกูล อาจจะสูงถึง 5 – 10 ล้านบาท บริษัทหาคู่จะจ้างชาวไทยมาเป็นล่ามชาวไทยทั้งสองที่มีชื่อในข่าว ตนเองก็รู้จัก เขาเป็นเพียงแค่คนถูกจ้างเป็นล่าม และแปลเอกสารเท่านั้นเขาไม่ใช่แม่สื่อ มีการเปิดสำนักงานที่อุดรฯ แต่ปิดไปแล้วช่วงโควิด ไม่ได้มีเฉพาะสาวไทยเท่านั้นที่มีการหาคู่มีทั้งคนลาว เวียดนาม พม่า หรือในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”

น.ส.ดาว เปิดเผยอีกว่า หนุ่มชาวจีนที่ใช้บริการจะต้องจ่ายค่าหาคู่ราว1 ล้านบาท หรือต่ำกว่านั้น จะมีการแจ้งความประสงค์ว่าต้องการหญิงสาวโปรไฟล์แบบไหนเมื่อมีความพร้อมทุกฝ่าย ก็จะนัดหมายมาเจอหน้ากัน พูดคุยตกลงกัน ว่าชอบพอกันตรงสเปกกันหรือไม่ ค่าใช้จ่ายในระหว่างการดูตัวก็จะอยู่ใน 1 ล้านบาทที่จ่ายไปทั้งค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่ากิน ค่าอยู่ รวมทั้งค่าดำเนินการด้านเอกสารจะให้ทดลองใช้ชีวิตด้วยกันประมาณ 1 สัปดาห์ หากพอใจซึ่งกันและกันก็จะตกลงเซ็นสัญญาเพื่อแต่งงานกัน ข้อตกลงหลักๆ หากต้องการมีลูกด้วยกันก็ต้องระบุไว้ หากมีการทำร้ายร่างกายกันก็จะยกเลิก และเลิกรากันไป

“บริษัทจัดหาคู่ในจีน มีมาก่อนคู่ที่เป็นปัญหาประมาณ 3 ปีเมื่อหาคู่ได้แต่งงานสร้างครอบครัว ก็อยากมีลูกบริษัทจะเดินทางไปเยี่ยมครอบครัว ที่จัดหาคู่ให้หากมีการตบตีทำร้ายร่างกายกันก็ต้องส่งตัวกลับ เจ้าหน้าที่จะถามความต้องการของฝ่ายหญิงจะกลับหรืออยู่ต่อ  ส่วนปัญหาที่เอามาตีแผ่ในมุมมองของตนเป็นปัญหาของทั้งสองคน ผู้หญิงโกหกเรื่องทำหมัน ส่วนผู้ชายเสียเงินแล้วทำไมต้องได้เมียไม่ตรงตามต้องการ จึงเกิดปัญหาขึ้น ย้ำว่าบริษัทที่จีนมีจริงถูกกฎหมาย และไม่ใช่การอุ้มบุญ”สะใภ้จีน กล่าว