เมื่อวันที่ 9 ส.ค.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำเครือข่ายไล่ “ประยุทธ์”ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ข้อสรุปจากเวทีทดสอบแยกอโศก สถานการณ์โควิด 19 ยังเป็นข้อจำกัดสำคัญต่อการแสดงพลัง ทั้งการชุมนุมใหญ่และการชุมนุมยืดเยื้อสะสมกำลัง มวลชนต่างจังหวัดยังเคลื่อนเข้ากรุงเทพฯไม่ได้ คนกรุงเทพฯสนใจสถานการณ์ แต่ส่วนใหญ่กังวลโรคระบาดไม่พร้อมลงถนน รูปแบบที่ทรงประสิทธิภาพและสอดคล้องกับสถานการณ์ที่สุดยังเป็นการเคลื่อนขบวนรถ ทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ แต่ต้องออกแบบสัญลักษณ์เป็นหนึ่งเดียวกัน กำหนดวาระสำคัญในการแสดงพลัง

เวทีอโศกให้คำตอบว่าคาร์ม็อบคือก้าวต่อไป กลับสู่จุดแข็งเพื่อพุ่งไปข้างหน้าดุจลูกธนูถูกน้าวขึ้นสาย 19 กันยายน เคลื่อนขบวนคาร์ม็อบกลางกรุงเทพฯ หัวขบวนแยกอโศกท้ายแถวรัชดาภิเษก พบกัน 14.00 น. เส้นทางและรายละเอียดกิจกรรม ติดตามตอนต่อไป 15 ปีรัฐประหาร 2549 กระชากสังคมไทยสู่หุบเหวและถูกทำซ้ำโดยประยุทธ์กับพวกจนเสียหายย่อยยับที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติ ลบรอยรถถังเผด็จการ ด้วยขบวนรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ ประกาศอำนาจประชาชน  19 กันยายน ประชาชนสู้ด้วยกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คำประกาศดังกล่าวของณัฐวุฒิ เกิดขึ้นภายหลังจากทราบว่า ศาลแขวงพระนครใต้ ไม่อนุมัติหมายจับตามคำร้องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภายหลังจากที่นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรี ได้เดินทางไปแจ้งความเอาผิดกับนายณัฐวุฒิ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ และไฮโซลูกนัท นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย ผิดหลายข้อหา